"บิ๊กตู่"ย้ำเรือดำน้ำยังมีความจำเป็นต้องจัดซื้อแม้จะชะลอในปีนี้

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม กรณีที่มีการสั่งชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำจำนวน 2 ลำออกไปก่อนว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 เป็นเรื่องที่กองทัพเรือได้ชี้แจงไปแล้วและตนเองได้มอบแนวทางไปแล้ว ขอให้รอฟังอีกครั้ง พร้อมมอบหมายให้กองทัพเรือหาแนวทางพูดคุยกับทางการจีนว่าจะสามารถชะลอการจ่ายเงินไปเป็นปีหน้าได้หรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังคงต้องเดินหน้าในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 เพราะเป็นแผนพัฒนากองทัพ และต้องดูสถานการณ์รอบประเทศว่าเป็นอย่างไร ทั้งหมดถือเป็นวิธีการป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกร่วมต่างๆ ซึ่งเราไม่เคยมีเรือดำน้ำใช้ในการฝึกร่วม ทั้งที่เรามีพื้นที่อาณาเขตทางทะเลทั้ง 2 ฝั่ง มากมายมหาศาล โดยเฉพาะเขต 2 ไมค์ทะเลบนน่านน้ำของไทย เราจึงต้องระมัดระวังตรงนี้ ซึ่งทั้งหมดได้มีการชี้แจงหลักการและเหตุผลไปแล้ว ทั้งนี้ ไม่สามารถโยกงบประมาน 3,375 ล้านบาท ไปใช้จ่ายในส่วนอื่นได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายการเงินการคลัง

ทั้งนี้ ขออย่านำกรณีเรือดำน้ำ ไปเปรียบเทียบกับกรณีอื่น โดยขอให้มองไปข้างหน้า หากช้าเกินไปก็อาจจะไม่ทันเวลา ที่เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ เพราะต้องป้องกัน และรักษาทรัพยากรทางทะเล การประมงของเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติที่สั่งให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองมี 2 บทบาท คือ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะที่ตนเป็นรมว.กลาโหม ได้ให้แนวทางไปกับกองทัพเรือ จึงขอให้เข้าใจในบทบาทนี้ อีกทั้งเป็นแผนงานของเหล่าทัพที่เสนอมาตามกรอบวงเงินที่มีอยู่ เป็นไปตามมติของครม. หากมีปัญหากองทัพก็ต้องไปเจรจากับคู่สัญญา ย้ำว่าทุกอย่างต้องดำเนินการตามกติกา ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหาในทุกปี ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายกฯว่าในช่วงนี้ อ่อนไหวกับปัญหาที่เข้ามาบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า จะหวั่นไหวอะไร เพราะตัวเองเตรียมใจตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาแล้วว่าจะเจออะไรบ้าง และย้ำว่าทุกอย่างที่ทำมา เพื่อประชาชนทั้งนั้น ตนไม่เคยได้อะไรจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเลย “ผมยืนยัน ขอให้เชื่อมั่นผมเถอะ”