posttoday

"สุวิทย์"เสนอโมเดล"บิ๊กตู่"ฟื้นฟูศก.จากผลกระทบโควิด-19

23 มิถุนายน 2563

อดีตรองนายกฯทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯเสนอโครงการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากปัญหาผลกระทบของโควิด-19 ระบุแนวทางที่เสนอเคยใช้ได้ผลสมัยวิกฤต"ต้มยำกุ้ง"ฟื้นประเทศมาแล้ว

นายสุวิทย์ คุณกิตติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขอเสนอโครงการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะสั้นและระยะกลางจากปัญหาผลกระทบของโรคระบาดไวรัสโควิด-19 จนทำให้ต้องมีการปิดประเทศและปิดเมือง จนเกิดผลกระทบต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในระดับฐานรากซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้งอย่างต่อเนื่องมาเป็นลำดับก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19

แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยงบประมาณเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่องมาหลายครั้ง ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถทำให้สภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ส่งผลถึงการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้เกิดข้อจำกัดในการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำและงบฉุกเฉินเพื่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ จำเป็นต้องกู้เงินเป็นจำนวนมาก

หากการใช้เงินดังกล่าวไม่สามารถฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้าหมายนอกจากจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศชาติในภาพรวมแล้วยังจะกลายเป็นภาระของประเทศชาติและประชาชนในวันข้างหน้าด้วย

เนื่องจากจำนวนเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจมีจำนวนจำกัดจึงควรใช้จ่ายอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนด้วยความระมัดระวังแต่รวดเร็วและให้มีการกระจายของเม็ดเงินให้เข้าถึงประชาชนส่วนใหญ่อย่างทั่วถึงมากที่สุด อย่างเป็นระบบที่สามารถตรวจสอบได้ ที่สำคัญเงินนั้นควรจะมีประชาชนร่วมกันรับผิดชอบและเป็นเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบตลอดไป

จึงขอเสนอให้รัฐบาลจัดสรรเงินเพิ่มทุนเพื่อให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง กองทุนละ 1 ล้านบาท จำนวน 79,255 กองทุน ซึ่งมีสมาชิก 12,801,444 คน ซึ่งโดยเฉลี่ย 1 คนต่อ 1 ครัวเรือน และถ้าคิดเป็นจำนวนคนที่จะได้รับประโยชน์ทั้งครัวเรือน ตามตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ามีจำนวนประชากรเฉลี่ยครัวเรือนละ 3.16 คน ดังนั้นผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มทุนให้กับกองทุนหมู่บ้านคิดเป็นจำนน 40.4 ล้านคนโดยประมาณ ซึ่งจะได้กู้ยืมเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินรวมทั้งสมารถนำเงินไปลงทุนในการฟื้นฟูอาชีพ ระหว่างการพักชำระหนี้ต่อยอดกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองของธนาคารออมสิน ธกส. และกรุงไทย

การเพิ่มทุนนี้รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทันที โดยการโอนเงินเข้าบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยตรง เม็ดเงินจำนวนเกือบ 80,000 ล้าน บาท สามารถกระจายออกไปถึงมือสมาชิกระดับฐานรากอย่างทั่วถึง โดยไม่มีการชักหัวคิว อันเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบที่สาธารณชนเป็นห่วง เพราะไม่ต้องผ่านระบบราชการที่ทำให้ต้องชักช้าและเสียเวลา สามารถส่งเงินไปถึงบัญชีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศได้ภายในวันเดียว คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองสามารถบริหารจัดการและปล่อยกู้ให้สมาชิกอย่างทั่วถึงภายในระยะเวลาไม่เกินสองอาทิตย์ เป็นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ของชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนและเกษตรกรกำลังเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูกการใช้เงินก็จะเกิดขึ้นในทันทีจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนอยู่ในระบบช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จำนวน 80,000 ล้านบาทภายในระยะเวลาไม่เกินสองอาทิตย์ ความเร็วของการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจะทำให้การเวียนของเงิน หมุนได้หลายรอบมากกว่าปกติ

นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวข้างต้นสามารถทำควบคู่กันไปกับการให้ส่วนราชการต่างๆเสนอโครงการซึ่งส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาในการพิจารณา เมื่ออนุมัติมาแล้วต้องใช้เวลาในการจัดซื้อจัดจ้างกว่าจะมีการดำเนินการแล้วเสร็จก็ใช้เวลาหลายเดือนจะต้องมีการตรวจการจ้างก่อนจึงสามารถอนุมัติให้จ่ายเงินได้

ดังนั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและให้มีการตรวจสอบ รัฐบาลควรมอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จัดทำ”โครงการบัณฑิตอาสาเพื่อพัฒนาชุมชน” ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศ จัดทำหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต ด้านการวางแผนพัฒนาและการบริหารจัดการชุมชนโดยให้ครอบคลุมทุกด้าน รวมทั้งการเงินและการประกอบอาชีพอิสระ นอกจากนั้นยังสามารถให้มหาวิทยาลัยและบัณฑิตอาสาเหล่านี้ติดตามตรวจสอบประเมินผลโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและการดำเนินการของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองซึ่งไม่ได้มีการติดตามตรวจสอบมากว่า 10 ปีแล้ว รวมทั้งปีนี้ครบรอบ 10 ปี ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติต้องทำการสำรวจสำมะโนประชากรรอบใหม่ด้วย

โดยมอบหมายให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองคัดเลือกนักศึกษาที่จบการศึกษาและยังว่างงาน จำนวน 2 คน เพื่อรับทุนการศึกษาเป็นเวลา 1 ปี ทุนละ 7,500 บาทต่อเดือน จำนวน 158,510 คน เป็นเงินทุนการศึกษา 14,266 ล้านบาท จัดงบค่าฝึกอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตให้กับมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วม โครงการ คนละ 7,500 บาท รวมเป็นเงิน 1,189 ล้านบาท หลังจากผ่านการฝึกอบรมพื้นฐานแล้ว บัณฑิตอาสาเหล่านี้จะเข้าไปทำงานในหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่ตัวเองได้รับคัดเลือกมาเมื่อจบการศึกษาก็จะมี ทักษะ ในการวางแผนและพัฒนา หมู่บ้านและชุมชนเมือง

จากข้อมูลพื้นฐาน ความรู้ ความเข้าใจและความต้องการของหมู่บ้านและชุมชนนั้นๆสามารถจัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งการจัดทำรายงานการประเมินผลโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการบริหารจัดการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ตลอดจนสามารถใช้ผลการประเมินและข้อมูลต่างๆเพื่อการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับตนเองได้อีกด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มทักษะ (Up skill) ให้กับบัณฑิตจบใหม่ และยังเป็นการชะลอบัณฑิตจบใหม่ออกสู่ตลาดแรงงานซึ่งมีแนวโน้มว่าจะตกงาน นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสและสร้างโอกาสให้บัณฑิตจบใหม่เหล่านี้มีมุมมองในการพัฒนางานและอาชีพในชุมชนของตนเองเพื่อนำไปสู่การสร้างงานและอาชีพในชุมชนต่อไป

สำหรับการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางควรเน้นโครงสร้างพื้นฐานที่จะสร้างความมั่นคง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำแบบยั่งยืนให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับ”โครงการพัฒนาระบบชลประทานและการบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวม” โดยการน้อมนำแนวพระราชดำริที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระรสชทานไว้ในเรื่องน้ำและได้ทรงทำเป็นตัวอย่างไว้อย่างครบถ้วนตามศูนย์ศึกษา เพื่อพัฒนาฯและโครงการต่างๆมาบูรณาการเพื่อให้สามารถบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวมได้ เช่น “โครงการผันน้ำแม่ยวมมาเติมเขื่อนภูมิพล”เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและขยายพื้นที่การเพาะปลูกในลุ่มน้ำเจ้าพระยา “โครงการโขง เลย ชี มูล” และ “โครงการนำร่องในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในภาคอีสานตอนบนจำนวน 19 โครงการ“ ที่จะแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งในภาคอีสาน ”โครงการผันน้ำจากเขื่อนรัชชประภาและแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดกระบี่ พังงาและภูเก็ต” รวมทั้ง “โครงการผันน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งของจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์”ที่ได้มีการศึกษาออกแบบโดยกรมชลประทานและกรมทรัพยากรน้ำ ไว้เสร็จสิ้นแล้ว สามารถดำเนินการก่อสร้างได้เลยหลายโครงการ โครงการเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างยั่งยืน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการเพิ่มทุนให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจะช่วยแก้ไขปัญหาและเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องรายได้ของประชาชนที่รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วและเงินที่เพิ่มทุนก็ไม่ได้หายไปไหน เมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วระยะหนึ่ง สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่กู้ยืมเงินไปก็จะสามารถนำเงินกลับมาชำระหนี้ได้

โครงการแบบนี้เคยเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งมาแล้ว ถ้าอยากให้เงินกระจายถึงมือคนส่วนใหญ่ของประเทศได้เร็ว ไม่มีหัวคิว โปร่งใสตรวจสอบได้และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง รัฐบาลต้องรีบทำทันที

"สุวิทย์"เสนอโมเดล"บิ๊กตู่"ฟื้นฟูศก.จากผลกระทบโควิด-19