posttoday

"ตู่" เป็นกำลังใจให้ชาวอนาคตใหม่ แนะเตรียมรับมือคดีอาญา

23 กุมภาพันธ์ 2563

"จตุพร"เป็นกำลังใจให้ชาวอนาคตใหม่ ชี้ "ธนาธร" ยังผจญอีกหลายวิบากถึงขั้นติดคุก เชื่อเหตุที่อนาคตใหม่เจอกับการร้องเรียนเรื่องเงินกู้ เพราะพรรคการเมืองทั้งประเทศสามัคคีกันต้ม

เมื่อ 23 ก.พ. 63 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า ขอให้กำลังใจชาวอนาคตใหม่ เพราะสิ่งที่คุณเจอมา คนเสื้อแดงเจอหนักกว่ามาแล้วทั้งสิ้น คุณยังขาดอีกข้อหนึ่งคือเรื่องคุกตะราง ซึ่งไม่มีอะไรจะไม่เจอ แต่เมื่อเจอแล้ว คุณต้องลุกขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เพราะคนเสื้อแดงเจอมาตลอดต้องล้มลุกคลุกคลานในช่วง 10 ปี และเราก็ลุกเร็ว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ก่อนการยุบพรรคอนาคตใหม่ 1 วัน สถานีโทรทัศน์ได้ชวนไปบันทึกรายการ กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้น โดยหัวข้อหลักคือ เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ตนพยายามภาวนาว่าสิ่งที่ตนวิเคราะห์ไว้จะเป็นผลลัพธ์ตรงกันข้าม เพราะเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นหลายคนต่างมีความเชื่อแตกต่างกัน แต่โดยก้นบึ้งลึกของตนรู้ว่าบนเส้นทางทางการเมืองอย่างนี้โอกาสที่จะรอดนั้นยาก

"ผมผ่านการยุบพรรคมาแล้ว 2 พรรคและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ดังนั้นเส้นทางที่อนาคตใหม่และนายธนาธรเจอ ผมผ่านมาแล้ว ในฐานะคนที่ผ่านมาก่อนสิ่งที่นายธนาธรต้องคิดต่อไปคือคดีทางอาญา ซึ่งผมได้พูดต่อหน้านายธนาธรในรายการที่ไปบันทึกเทปว่า เหตุที่พรรคอนาคตใหม่เจอกับการร้องเรียนเรื่องเงินกู้นั้น ผมอธิบายว่า พรรคการเมืองทั้งประเทศสามัคคีกันต้ม"

"เรื่องนี้ใครก็แล้วแต่จะต้องตกแต่งและต้องไม่ประกาศซึ่งทุกพรรคการเมืองก็ทำเช่นนี้ หากจะกู้ก็ออกแบบกันไว้ว่าไม่เกิน 10 ล้านบาท แต่นายธนาธรกลับมาเปิดเผยเรื่องการกู้เงินอยู่พรรคการเมืองเดียว ก็โดนอยู่พรรคเดียว เพราะ พรรคการเมืองที่เหลือสามัคคีกันต้มนี่คือความจริงของประเทศไทย"นายจตุพรกล่าว

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ทันทีที่ถูกตัดสินเรื่องนี้ก็จะพ่วงด้วยคดีอาญา เพราะอานุภาพของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าผิด ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะไปวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ก็ต้องเอาผลคำผูกพันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นตัวตั้ง เหมือนอย่างกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นฟ้อง กกต.ทั้ง 7 คน ศาลอาญาบอกว่ารอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน แล้วจึงจะนัดอ่านคำวินิจฉัยว่าจะรับฟ้องในกรณีดังกล่าวหรือไม่ ดังนั้นเส้นทางต่อไปโดยเฉพาะการชุมนุมจะต้องคิดอ่านอย่างรอบคอบ

ส่วนตัวมองว่า การชุมนุมแบบแฟลชม็อบ อาจจะทำได้ เต็มที่ไม่เกิน 5 ครั้งเพราะหลังจากนั้นผู้มาร่วมชุมนุมจะไม่ยอมกลับเพราะต้องการชัยชนะกลับบ้านกันทั้งนั้น พร้อมทั้งตั้งคำถามว่าเส้นทางของนายธนาธนจะจบแบบไหน อย่าง นปช.จบลงด้วยการถูกปราบปรามคนล้มตายจำนวนมาก บางฝ่ายก็จบลงด้วยการมีคนมายึดอำนาจให้ แต่ทุกฝ่ายไม่ว่าจะจบลงอย่างไร ก็ถูกดำเนินคดีด้วยกันทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตามสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ ไม่ใช่ว่าเสียงอนาคตใหม่จะหายไป 11 เสียงแล้วรัฐบาลจะอยู่ดี เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงในสภา ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ คนฆ่าตัวตายรายวันเพราะพิษเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวก็พัง ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ แล้วรัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปในเดือนกุมภาพันธ์ รัฐบาลเองก็ขอให้นับเดือนรอ ตามหลังอนาคตใหม่ไปในไม่ช้า

“ความขัดแย้งครั้งนี้ ถ้าก่อขึ้นใหม่น่ากังวล และยิ่งน่ากังวลมากไปอีก เพราะรัฐบาลไม่มีอนาคตอะไรให้กับประชาชนเลย ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเริ่มวันจันทร์นี้ (24 ก.พ.) จะมีความหมายและสำคัญที่สุด ซึ่งจะสะท้อนถึงเวลาประชาชนทุกข์ยากนั้น รัฐบาลทำอะไรอยู่ อีกทั้งการอภิปรายฯของฝ่ายค้านเป็นการพูดกับประชาชนโดยตรง”นายจตุพรกล่าว