posttoday

ลุงตู่ปวดตับ "3พรรคคุมเศรษฐกิจ" ฉุดจีดีพีติดหล่ม

17 กุมภาพันธ์ 2563

หาก "ลุงตู่" ในฐานะ คอนดักเตอร์จำเป็น ไม่สามารถควบคุมลูกวงให้เล่นคีย์เดียวกันได้ ไตรมาสแรกปี 2563 จีดีพี อาจติดลบได้

โดย...วุฒิ นนทฤทธิ์ บรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

เศรษฐกิจไทยหัวปัก สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ไตรมาส 4/62 ขยายตัวแค่ 1.6% ขณะที่ภาพรวมของปี 62 ขยายตัว 2.4% ส่วนในปี 63 คาดว่า GDP จะขยายตัว 1.5-2.5% ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2.7-3.7%

ถ้ามองแค่เปลือกนอก สาเหตุที่เศรษฐกิจไทยย่อตัวลงมาเป็นผลจากปัจจัยภายนอกและภายใน ได้แก่ การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)ผลกระทบสงครามการค้าและการส่งออกที่ลดลง ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 63 ล่าช้า เกิดปัญหาภัยแล้ง และเงินบาทแข็งค่า

แต่หากมองปัญหาเชิงโครงสร้างการบริหารประเทศ วันนี้กระทรวงที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขาดความเป็นเอกภาพ ถ้าเป็นวงดนตรีก็เล่นกันคนละคีย์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ ประกาศทุกเวที "ผมไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นแค่รองนายกฯคุมกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุดมศึกษาฯ"

ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจบิ๊กเบิ้มที่กุมงบฯลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาลอย่างกระทรวงคมนาคมพ่วงด้วยกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ที่เป็นรายได้หลักของประเทศ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย อย่าแต่ ดร.สมคิด เลย แม้แต่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงแม้จะนั่งหัวโต๊ะ ครม.เศรษฐกิจ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย

อีกสองกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญคือกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะอยู่ในการกำกับดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะเสี่ยจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีตารางงานแต่ละวันแน่นเอี๊ยด แม่แต่คนในกระทรวงยังแทบไม่เห็นหน้า ถ้าไม่มีวาระสำคัญของกระทรวงพาณิชย์เข้า ครม.เศรษฐกิจ ก็ยากที่ "เสี่ยจุรินทร์" เข้าร่วมประชุมกับ "ลุงตู่"

ดูจากตัวเลขไตรมาส 4 ของปี 2562 ที่สภาพัฒน์นำมาแสดงจะเห็นได้ชัด การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 4.1% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ "ชิม ช็อป ใช้" ของกระทรวงการคลัง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็ขยายตัวได้ 2.6% จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอโดยเฉพาะมาตาการจูงใจด้านภาษีของกระทรวงการคลัง ขณะที่กระทรวงอื่นๆ ไม่มีมาตรการอะไรออกมา

ลุงตู่ปวดตับ "3พรรคคุมเศรษฐกิจ" ฉุดจีดีพีติดหล่ม

แต่ที่ช็อตไปเลยคือ การลงทุนภาครัฐ -5.1% เพราะโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จำนวนมากไม่คลอดออกมาเลย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – บางขุนนนท์ มูลค่ารวม 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเส้นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทั้ง BTS ของ "เสี่ยคีรี กาญจนพาสน์" และ BEM ของ "เสี่ยปลิว ตรีวิศวเวทย์" ต้องการจะได้สายสีส้มมาครอบครอง เพราะเป็นเส้นหลักที่จะมีการแตกแขนงไปอีกหลายเส้นทาง หากใครได้สายสีส้มไปก็ได้เปรียบมาก โครงการนี้ชงกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่ก็เพิ่งจะผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2563 ที่ผ่านมา

แว่วๆ ว่าที่ล่าช้าเพราะเป็นโครงการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน(พีพีพี) ซึ่งมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานพีพีพีมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็น รมว.คมนาคม ในกำกับดูแลของ ดร.สมคิด แต่หลังการเลือกตั้งกระทรวงคมนาคมเป็นของพรรคภูิมใจไทย เลยต้องมานั่งทำคุยกันใหม่ จากที่คาดว่าจะประมูลแล้วเสร็๋จตั้งแต่ปีที่แล้ว ต้องยืดไปเป็นเดือนตุลาคม 2563

สภาพัฒน์แนะนำว่าปี 2563 รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับ

1.การประสานนโยบายการเงินการคลัง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจในครึ่งปีแรก และสนับสนุนการฟื้นตัว และการขยายตัวในครึ่งปีหลัง อันนี้อยู่ในกำกับดูแลของพรรคพลังประชารัฐ

2.การฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้สามารถกลับมาขยายตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาอยู่ในการกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย

3.การขับเคลื่อนการส่งออกให้สามารถกลับมาขยายตัวได้ไม่ต่ากว่า 2.0% (ไม่รวมทองคำ) อันนี้เป็นงานของกระทรวงพาณิชย์ กำกับดูแลโดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

4.เร่งรัดการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ อันนี้เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงแต่มากสุดที่กระทรวงคมนาคม

5.การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุน การขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน อันนี้ไม่รู้ใครจะรับไปคงต้องเป็น "ลุงตู่" มั้ง

ดูท่าแล้วหาก "ลุงตู่" ในฐานะ คอนดักเตอร์จำเป็น ไม่สามารถควบคุมลูกวงให้เล่นคีย์เดียวกันได้ ไตรมาสแรกปี 2563 จีดีพี อาจติดลบได้ อย่าประมาทไป และถ้าพลาดท่าไตรมาสแรกติดลบ ไม่อยากนึกเลยว่าจีดีพีไตรมาส 2 จะสยองขวัญขนาดไหน