posttoday

ปชป.เสนอปรับบทบาท "ตำรวจ ตม." ช่วยเฝ้าระวังโรคระบาดข้ามชาติ

26 มกราคม 2563

ส.ส.ประชาธิปัตย์ เสนอ ปรับบทบาท ตม. จากจับ "อาชญากรข้ามชาติ" เป็น "นักเฝ้าระวังโรคข้ามชาติ" เหตุ มีคลังข้อมูล รู้หมด ใครพักที่ไหน ตามต่อได้ทันท่วงที

ส.ส.ประชาธิปัตย์ เสนอ ปรับบทบาท ตม. จากจับ "อาชญากรข้ามชาติ" เป็น "นักเฝ้าระวังโรคข้ามชาติ" เหตุ มีคลังข้อมูล รู้หมด ใครพักที่ไหน ตามต่อได้ทันท่วงที

นางสาวพิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดจองเชื้อไวรัสโคโรนาว่า ถือว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำได้ดี แต่มีประเด็นที่อยากเสนอแนะ ซึ่งจะทำให้การรับมือกับโรคระบาดข้ามชาติ ไม่ใช่เฉพาะกรณีไวรัสโคโรน่าเท่านั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการปรับบทบาทของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่ในปัจจุบันจะมุ่งเน้นในเรื่องของ "อาชญากรข้ามชาติ" มาเป็นการเฝ้าระวัง "โรคข้ามชาติ" ในเชิงรุก

คือแทนที่จะเน้นในเรื่องการตรวจบุคคลที่เดินทางจากประเทศต้นทางของการแพร่ระบาด ณ บริเวณด่าน ตม.เพียงอย่างเดียว มาเป็นการใช้ข้อมูลที่ตม.มีให้เป็นประโยชน์ ในการติดตามเฝ้าระวังต่อเนื่องขณะที่คนเหล่านี้อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพราะการคัดกรองบริเวณด่านตรวจ ไม่สามารถทำได้ 100% เนื่องจากอาจมีการกินยาแก้ไข้กดอาการ ทำให้ไม่พบปัญหา จึงควรมีการใช้ข้อมูลของ ตม. ให้เกิดประโยชน์ในการเฝ้าระวังต่อเนื่อง เพราะ ตม. ถือเป็นคลังข้อมูลเกี่ยวกับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย โดยทุกสถานประกอบการด้านที่พักอาศัย จะต้องรายงานต่อที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในเขตพื้นที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ตามแบบตม. 30 ทันทีที่มีชาวต่างชาติเข้าพักอาศัย

"ในกรณี ไวรัสโคโรน่าทราบต้นทางชัดเจนว่ามาจากเมืองอู่ฮั่นซึ่งตมมีข้อมูลตั้งแต่ต้นทางว่า มีใครเดินทางมาจากอู่ฮั่นบ้าง ก็ควรแยกรายชื่อไว้เป็นการเฉพาะเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ เมื่อโรงแรมหรือสถานประกอบการส่งรายชื่อชาวต่างชาติไปให้ ตม. สามารถจับคู่ได้ทันทีว่าคนที่ผ่านด่านตม.ไปแล้วกระจายไปพักอาศัยอยู่ที่ไหน เมื่อ ได้ข้อมูลแล้วก็แจ้งกลับไปยังโรงแรมต้นทางให้เฝ้าระวังสังเกตอาการรวมถึงแจ้งไปยังสาธารณสุขในพื้นที่ให้รับทราบ ข้อมูลเหล่านี้ จะได้จัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำแบบนี้ได้ต้องปรับบทบาทมาเป็นนักเฝ้าระวังโรคข้ามชาติในเชิงรุกแทนที่จะ ตั้งด่านสกัดเพียงอย่างเดียวซึ่งไม่เพียงพอ" นางสาวพิมพ์รพี กล่าว

ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า ในขณะนี้ประเทศจีนได้ปิดเมืองอู่ฮั่นแล้ว ทางการไทยต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่ายังมีชาวจีนจากอู่ฮั่นตกค้างในไทยจำนวนเท่าใด ในจำนวนเหล่านั้นมีใครต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสนี้หรือไม่ และจะมีการดูแลคนเหล่านี้ระหว่างที่พวกเขายังกลับบ้านเกิดไม่ได้อย่างไร ก็เป็นอีกภารกิจสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน