posttoday

"ช่อ"บุกเยี่ยมครอบครัว “อับดุลเลาะ อีซอมูซู” ยันรัฐต้องคืนความเป็นธรรม

31 สิงหาคม 2562

“โฆษกอนาคตใหม่” เยี่ยมครอบครัว “อับดุลเลาะ อีซอมูซู” ยืนยันรัฐต้องคืนความเป็นธรรม ชี้ 15 ปีกฎหมายพิเศษ ใน 3 จว.ใต้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ล้น เสี่ยงใช้ในทางมิชอบ

“โฆษกอนาคตใหม่” เยี่ยมครอบครัว “อับดุลเลาะ อีซอมูซู” ยืนยันรัฐต้องคืนความเป็นธรรม ชี้ 15 ปีกฎหมายพิเศษ ใน 3 จว.ใต้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ล้น เสี่ยงใช้ในทางมิชอบ

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ซึ่งเสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัวเข้าค่ายอิงคยุทธบริหาร ที่จังหวัดปัตตานี โดยครอบครัวอีซอมูซอยืนยันว่าจะเดินหน้าทวงคืนความเป็นธรรมให้นายอับดุลเลาะ และขอบคุณที่สังคมส่งกำลังใจให้อย่างต่อเนื่อง

นางสาวพรรณิการ์ เดินทางไปยังอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะและให้กำลังใจครอบครัวนายอับดุลเลาะ อีซอมูซอ ช่างก่อสร้างชาวปัตตานีผู้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ควบคุมตัวเข้าค่ายอิงคยุทธบริหาร แล้วกลับออกมาในสภาพสมองบวมจากการขาดออกซิเจน อยู่ในสภาพเจ้าชายนิทราก่อนจะเสียชีวิตในอีก 35 วันต่อมา

ญาติของนายอับดุลเลาะยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาว่าจะให้เงินเยียวยา และให้ทุนการศึกษากับลูกของนายอับดุลเลาะ แต่เป็นเสียงการพูดปากเปล่า ไม่มีเอกสารยืนยันการติดต่ออย่างเป็นทางการ และที่สำคัญ ครอบครัวไม่ได้ต้องการเพียงเงินเยียวยา แต่ต้องการข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะ ว่าผู้ชายที่แข็งแรงคนหนึ่ง อยู่ในการควบคุมตัวของทหารเพียง 12 ชั่วโมง แล้วกลับออกมาในสภาพสมองขาดออกซิเจน มีร่องรอยการถูกจี้และถูกมัดได้อย่างไร และหากใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการเสียชีวิตของเขา

ด้านภรรยาของนายอับดุลเลาะยืนยันว่าขณะนี้มีกำลังใจดี เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในชุมชน รวมถึงคนนอกพื้นที่ ยืนยันว่าจะยังสู้ต่อไป แม้การทวงคืนความเป็นธรรมให้สามีจะต้องใช้เวลานาน และอาจต้องเผชิญแรงกดดันจากผู้มีอำนาจ โดยมีแนวคิดจะจัดตั้งกองทุนเพื่อรวบรวมเงินบริจาคมาใช้ในการสู้คดี

"ช่อ"บุกเยี่ยมครอบครัว “อับดุลเลาะ อีซอมูซู” ยันรัฐต้องคืนความเป็นธรรม

นางสาวพรรณิการ์ได้ให้กำลังใจครอบครัวอีซอมูซอ โดยแสดงความชื่นชมที่ทางครอบครัวกล้ายืนหยัดต่อสู้เพื่อทวงความเป็นธรรมให้นายอับดุลเลาะ และยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคนๆเดียว กรณีของนายอับดุลเลาะ ไม่ใช่กรณีแรกที่มีคนโดนทหารควบคุมตัวโดยไม่ต้องมีพยานหลักฐานใดๆ แล้วกลับออกจากค่ายในสภาพบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต การเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะคือตัวอย่างที่น่าเศร้าของคนธรรมดาที่ต้องได้รับผลกระทบจากการใช้กฎหมายพิเศษในสามจังหวัด ซึ่งให้อำนาจทหารล้นเกินจนนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเกิดการใช้อำนาจในทางมิชอบ และการใช้อำนาจจับกุมใครก็ได้โดยไม่ต้องมีหลักฐาน ไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม ก็มีแต่จะสร้างความหวาดระแวงและไแบ่งแยกระหว่างรัฐกับประชาชนในพื้นที่

“มีคนจำนวนมากบอกว่าทหารทำถูกแล้ว เพราะอับดุลเลาะเป็นผู้ต้องหา เป็นโจรใต้ ในความเป็นจริงก็คือเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายวัยหนุ่มจำนวนมากในสามจังหวัด ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับเข้าค่ายไปสอบสวนโดยไม่ต้องมีการตั้งข้อหา ไม่ต้องมีหลักฐาน แค่สงสัยว่าเป็นขบวนการเพราะเป็นผู้ชายในวันฉกรรจ์ แล้วพอครบ 7 วันก็ปล่อยตัว เรื่องแบบนี้ทำได้เพราะการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งมีมายาวนานถึง 15 ปีแล้ว” พรรณิการ์กล่าว

ครอบครัวอีซอมูซอยังแสดงความกังวลว่าหลังจากครบ 7 วันการเสียชีวิตของนายอับดุลเลาะ เมื่อสื่อเริ่มเลิกติดตาม คนเริ่มเลิกสนใจข่าวนี้ ครอบครัวจะโดนทหารกดดันให้ยอมความ ซึ่งโฆษกพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่า ทางพรรคจะยืนหยัดร่วมกับครอบครัวอีซอมูซอ และช่วยทวงถามข้อเท็จจริงจากรัฐบาลผ่านช่องทางในสภาและนอกสภา เพื่อยืนยันหลักการที่ว่ารัฐต้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่ใช้อำนาจละเมิดประชาชนเสียเอง