“สิระ”ร้องดีเอสไอรับคดีคอนโดฉาวภูเก็ต เป็นคดีพิเศษ

สิระ  ร้องดีเอสไอรับข้อพิพาทโครงการก่อสร้างคอนโดกะรนรุกป่าภูเก็ต เป็นคดีพิเศษ ด้านดีเอสไอส่งศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 เข้าตรวจสอบ หากพบยังฝ่าฝืนจะประสานจังหวัดใช้อำนาจปกครองเข้าดำเนินการ

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ายื่นหลักฐานขอให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิน.ส.3 ก โดยมิชอบในโครงการก่อสร้างคอนโดมีเนียม เนื้อที่  17 ไร่ 1 งาน 44 ตร.ว. ในอ.กะรน จ.ภูเก็ต เพื่อขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ โดยมีพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพ.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง

 นายสิระ กล่าวว่า  ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนและส่งข้อมูลมาให้ตนช่วยตรวจสอบการก่อสร้างคอนโดมีเนียมใน จ.ภูเก็ต เนื่องจากได้รับความเดือนร้อนจากผลกระทบดินโคลนและน้ำประปาไหลลงมา จึงลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในหลายประเด็น คือ ขั้นตอนการออกเอกสารสิทธิ์น.ส.3ก. ได้มาโดยชอบหรือไม่ การขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องหรือไม่ และมีใครที่มีส่วนร่วมในการออกเอกสารบ้าง เนื่องจากพบว่ามีกลุ่มอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องจนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่สามารถดำเนินการได้ จึงนำหลักฐานที่ได้มายื่นให้ดีเอสไอตรวจสอบและรับเป็นคดีพิเศษ

นายสิระ กล่าวสอีกว่า หลังจากที่เป็นข่าวทางเทศบาลตำบลกะรนมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างโครงการดังกล่าว แต่พบว่าทนายความได้เข้าไปแนะนำโครงการให้เลี่ยงข้อกฎหมาย เพื่อให้สามารถตกแต่งภายในได้ ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของทางเทศบาลและคำสั่งทางปกครองของศาลปกครองชั้นต้นที่ให้เพิกถอน น.ส.3ก. ที่ดินแปลงนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่างานนี้ต้องมีคนติดคุกแน่

“คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมตั้งใจปล่อยคลิปนี้เอง เพื่อให้คนสนใจผืนป่าผืนนี้ ผมเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ในคลิป และขอโทษที่เสียงดัง แต่เจตนาคือตั้งใจทวงคืนผืนป่า เพราะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความเดือดร้อนธรรมดา แต่ถือว่าเป็นภัยพิบัติแล้ว โดยผมได้หารือกับส.ส.พลังประชารัฐในพื้นที่แล้วว่าจะร่วมกันทำงาน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการตรวจสอบของผมไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อน ผลประโยชน์ผมมีเพียงพอเกินชาตินี้แล้ว และผมไม่ได้เพิ่งเริ่มทำงานหลังได้รับเลือกเป็นส.ส. แต่ทำมาก่อนหน้านี้แล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็ได้รับความเป็นธรรมมาตลอด” นายสิระ กล่าว

ด้านพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการรับคดีพิเศษจะต้องตรวจสอบก่อนว่าสำนวนคดีเข้าเงื่อนไขต้องรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งตามประกาศ กคพ. ระบุว่าคดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติจะรับเป็นคดีพิเศษได้ก็ต่อเมื่อมีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีการบุกรุกพื้นที่เกิน 100 ไร่ขึ้นไป ส่วนประเด็นที่ระบุว่าโครงการไม่ได้ระงับการก่อสร้างจริง โดยยังมีการเข้าไปตกแต่งภายในจะสั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 8 ลงไปตรวจสอบ หากพบว่ายังมีการก่อสร้างจะประสานให้จังหวัดใช้อำนาจทางปกครองเข้าไปดำเนินการ