posttoday

วิปรัฐบาลออกกฎคุมเข้มป้องส.ส.แตกแถวแก้ลำแพ้โหวตในสภา

13 สิงหาคม 2562

วิปรัฐบาลออกมาตรการเข้มห้ามส.ส. แตกแถวในภาวะเสียงปริ่มน้ำ โยนระบบลงคะแนน-เสียงออดทำกมธ.เสียงข้างมากแพ้เสียงข้างน้อย เตรียมชงประธานสภาฯแก้ด่วน

วิปรัฐบาลออกมาตรการเข้มห้ามส.ส. แตกแถวในภาวะเสียงปริ่มน้ำ โยนระบบลงคะแนน-เสียงออดทำกมธ.เสียงข้างมากแพ้เสียงข้างน้อย เตรียมชงประธานสภาฯแก้ด่วน

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะรองกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล เปิดเผยภายหลังประชุมว่า วิปรัฐบาลได้หารือแนวทางบริหารจัดการเสียงลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนรษฎร หลังจากที่การประชุมสภาฯ นัดที่ผ่านมา เสียง ส.ส.ฝั่งรัฐบาล แพ้โหวตส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ระหว่างการลงมติร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อที่ 9 ว่าด้วยการทำหน้าที่และอำนาจของประธานสภาฯโดยได้วิธีแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว และมั่นใจว่าในการประชุมสภาฯ วาระกฎหมายหรือญัตติที่สำคัญ จะไม่เกิดเหตุการณ์แพ้โหวตเหมือนที่ผ่านมา เพราะหากแพ้เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ไม่ได้

ทั้งนี้ วิธีการ คือ จะมีการประชุมวิปรัฐบาล ทุกวันจันทร์ เวลา 14.00 น. เพื่อให้รัฐมนตรีรับทราบความเห็นและชี้แจงรายละเอียดที่สำคัญ ขณะที่ วิปรัฐบาลที่มี ส.ส.ของแต่ละพรรค จะร่วมพิจารณาด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันในรายละเอียดของร่างกฎหมาย รวมถึงเพื่อให้การลงมติไม่เกิดความสับสน โดยยืนยันว่า ผลลงมติในร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 9 ที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เสียงข้างน้อยและเสียงข้างมาก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือบทเรียนที่วิปรัฐบาลต้องนำไปพิจารณาเพื่อแก้ปัญหาและทำให้การประชุมต่อไปมีเอกภาพ ส่วนกรณีของ ส.ส.พรรคเล็ก จำนวน 10 พรรคการเมืองนั้น เบื้องต้นอาจมีปัญหาเฉพาะเสียงของ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศิวิไลย์ เพียงคนเดียว

ด้าน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะโฆษก วิปรัฐบาล กล่าวว่า ส.ส.รัฐบาลไม่ได้แพ้โหวตในที่ประชุมสภาฯ เพราะเป็นเรื่องของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างกมธ.เสียงข้างมาก และเสียงข้างน้อย

ทั้งนี้ ยอมรับว่าเสียงโหวตที่ห่างเพียง 1 เสียงนั้น มีปัญหามาจากหลายส่วน คือ การประสานงานระหว่างส.ส.ร่วมรัฐบาล เนื่องจากพบว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่สงวนคำแปรญัตติ เช่น น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติเห็นสวนทางกับรัฐบาล เพราะได้สงวนคำแปรญัตติให้แก้ไขเนื้อหา ดังนั้นในครั้งต่อไปอาจต้องขอความร่วมมือส.ส.พรรครัฐบาลที่สงวนคำแปรญัตติให้ยึดตามมติของวิปรัฐบาล เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ

นอกจากนั้น ยังเป็นปัญหาของระบบลงคะแนนเสียง ที่ประมวลผลผิดพลาดและไม่แม่นยำ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น จะได้ตรวจสอบและทดสอบระบบอีกครั้ง, ขยายเวลาการออกเสียงลงคะแนน เนื่องจากเสียงเรียกให้เข้าห้องประชุมมีปัญหาไม่ทั่วถึงภายในอาคาร รวมถึง ส.ส. บางคนไม่เข้าใจคำถามที่ให้ลงมติ จึงลงมติสับสน

“ผมมองว่าเรื่องให้ ส.ส.ปฏิบัติตามมติของวิปรัฐบาลนั้น เป็นคนละเรื่องกับการใช้เอกสิทธิ์ส.ส.สภา ที่จะลงมติได้อย่างอิสระ เพราะคือการรักษาวินัยและเอกภาพของคะแนนเสียง เหมือนกับตอนที่ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี แม้ส.ส.บางพรรคไม่เห็นด้วยแต่ต้องเคารพมติพรรคเป็นต้น ดังนั้นการทำงานร่วมกันต้องอาศัยความร่วมมือ” นายอัครเดช กล่าว