posttoday

สมาคมทนายชี้ "บิ๊กตู่" ถวายสัตย์ฯไม่ครบ เจตนาย่อมเล็งเห็นผล ไม่ชอบด้วยรธน.

10 สิงหาคม 2562

นายกสมาคมทนาย ยกหลักกฎหมาย ชี้ "บิ๊กตู่" ถวายสัตย์ฯไม่ครบ ถือว่ามีเจตนาย่อมเล็งเห็นผล เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อาจทำให้ครม.มีปัญหาทั้งคณะ

นายกสมาคมทนาย ยกหลักกฎหมาย ชี้ "บิ๊กตู่" ถวายสัตย์ฯไม่ครบ ถือว่ามีเจตนาย่อมเล็งเห็นผล เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ อาจทำให้ครม.มีปัญหาทั้งคณะ

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวถึง กรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และได้ออกมายอมรับผิดโดยอ้างว่ากระทำการไปโดยไม่เจตนา และกล่าวคำขอโทษคณะรัฐมนตรี โดยจะขอเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนาฯ

กระทำโดยเจตนา ได้แก่ การกระทำโดยรู้สำนึกในการกระทำ และในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้น

การกระทำโดยเจตนา แบ่งเป็น 2 ลักษณะ

1. เจตนาโดยตรง คือ ประสงค์ต่อผล โดยผู้กระทำมีอยู่และต้องการให้เกิดผลนั้นขึ้น

2. เจตนาโดยอ้อม คือ เล็งเห็นผลการกระทำ คือผู้กระทำไม่ต้องการให้เกิดผลเหมือนข้อ 1. แต่ขณะเดียวกันผู้กระทำย่อมรู้แน่ว่าผลนั้นจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน

สรุปได้ว่า ไม่ว่ากระทำโดยประสงค์ต่อผล หรือ เล็งเห็นผล ก็ต้องถือว่ากระทำโดยเจตนา มีความผิด และต้องรับโทษจากการกระทำนั้นเหมือนกัน

จากข้อเท็จจริงที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เคยนำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยอ่านถ้อยคำตามเอกสารที่ได้เตรียมมาครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ต่อมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยเอกสารที่ได้เตรียมมาเหมือนครั้งก่อน แต่กลับอ่านถ้อยคำขาดหายไปในสาระสำคัญ อันเป็นเหตุให้การเข้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

แม้ว่าภายหลังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะออกมาชี้แจงว่า ได้กระทำไปโดยไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลที่จะทำให้เกิดเหตุไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เนื่องจากในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศที่ได้บริหารประเทศมาแล้ว 5 ปีต่อเนื่อง และเคยกล่าวคำถวายสัตย์ฯ ลักษณะนี้มาก่อนแล้ว มีวุฒิภาวะ วิจารณญาณ ความรอบคอบและรอบรู้ในทุกๆด้าน ย่อมเล็งเห็นผลถึงการกระทำของตนเอง ในการถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เพราะเนื่องจากกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา และส่งผลเสียหายต่างๆ ต่อสถานภาพของรัฐบาลอย่างร้ายแรง

ด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงดังกล่าว สรุปได้ว่า แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะขาดเจตนา (โดยตรง) ในเรื่องไม่ประสงค์ที่จะให้เกิดเหตุดังกล่าวก็ตาม แต่ในทางกลับกัน การกล่าวคำถวายสัตย์ฯไม่ครบของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่ามีเจตนา (โดยอ้อม) ย่อมเล็งเห็นผลจากการกระทำของตนเองว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ซึ่งตามหลักกฎหมาย ยังถือว่าเข้าข่ายการกระทำโดยเจตนาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัญหาที่ต้องพิจารณาต่อไปว่าจะเป็นความรับผิดชอบของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว หรือว่าจะต้องเป็นความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรีทั้งชุด ที่ร่วมถวายสัตย์ฯไม่ครบ และบรรดาการกระทำต่างๆของคณะรัฐมนตรีที่ได้กระทำไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น จะมีผลผูกพันและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่