posttoday

ปปช.มีมติเอกฉันท์8ต่อ0 ชี้มูล'สุเทพ' คดี'สร้างโรงพัก-แฟลตตำรวจ'

06 สิงหาคม 2562

ป.ป.ช.มติ 8ต่อ 0 ชี้มูลความผิด 'สุเทพ' คดีสร้างโรงพัก-แฟลตตำรวจ ผิดอาญา ม.157 ส่วน 'บิ๊กตำรวจ-คกก.ประกวดราคา' ผิดอาญา-วินัยร้ายแรง

ป.ป.ช.มติ 8ต่อ 0 ชี้มูลความผิด 'สุเทพ' คดีสร้างโรงพัก-แฟลตตำรวจ ผิดอาญา ม.157 ส่วน 'บิ๊กตำรวจ-คกก.ประกวดราคา' ผิดอาญา-วินัยร้ายแรง

นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)แถลงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ 8 ต่อ 0 เสียง ส่วนอีก1 เสียง คือน.ส.สุภา ปิยะจิตติ เนื่องจากไม่ได้เข้าประชุม ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง เป็นเหตุ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหาย เป็นเงิน จำนวน 1,728 ล้านบาท

ทั้งนี้คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติตามรายละเอียด ดังนี้ การกระทำของนายสุเทพ  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157 พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง 

ขณะเดียวกันในส่วนการกระทำของคณะกรรมการประกวดราคา พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ และพ.ต.ท. สุริยา แจ้งสุวรรณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของ รัฐ พ.ศ. 2552 และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมีมูล ความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ พ.ต.อ.สุทธี โสตถิทัต พ.ต.อ.พิชัย พิมลสินธุ์ พ.ต.อ.ณัฐเดช พงศ์วรินทร์ และพ.ต.อ.ณัฐชัย บุญทวี มีมูลความผิด ทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง 

สำหรับเอกชน บริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยนายวิษณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท และนายวิษณุ วิเศษสิงห์ ในฐานะส่วนตัว มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 

ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาอื่นได้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ต.ท. ธีรยุทธ กิติวัฒน์ และพล.ต.ท. สุพร พันธุ์เสือ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

ทั้งนี้ให้ส่งเรื่องรายงาน เอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา ในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษา ตามมาตรา 97 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และส่งรายงาน เอกสารหลักฐานพร้อมความเห็น ไปยัง ผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 ประกอบพระราชบัญญัติประ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 แล้วแต่กรณีต่อไป

ขณะเดียวกันคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายสุเทพ กับพวก ทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) จำนวน 163 หลัง เป็นเหตุให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับความเสียหายเป็นเงิน จำนวน 3,994 ล้านบาท นอกจากนั้น ปรากฏมี เจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากผู้รับจ้าง เป็นเงินจำนวน 91,678,000 บาท

โดยป.ป.ช.มีมติว่าการกระทำของนายสุเทพ  เป็นกรรมเดียวกันกับกรณีอนุมัติให้สำนักงาน ตำรวจแห่งชาติเปลี่ยนแปลงแนวทางการจัดจ้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง ส่วนการกระทำของคณะกรรมการประกวดราคา ได้แก่ พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ พ.ต.อ. ปัทเมฆ สุนทรานุยุตกิจ พ.ต.อ.จิรวุฒิ จันทร์เพ็ญ พ.ต.ต.สิทธิไพบูลย์ คำนิล พ.ต.อ.พิชัย พิมลสินธุ์ และพ.ต.ต.สมาน สุดใจ มีมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ด้าน ดต.สายัณ อบเชย มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ส่วนพ.ต.ท.คมกริบ นุตาลัย คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนน เสียง 5 เสียง ต่อ 3 เสียง ว่ามีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง 

สำหรับเอกชน บริษัท พีซีซีฯ โดยนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล กรรมการผู้จัดการ ผู้มีอำนาจ ลงนามผูกพันบริษัทฯ และนายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ในฐานะส่วนตัว มีมูลความผิดทางอาญา ตามพระราชบัญญัติว่า ด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งหมดปปช. ให้ส่งเรื่องรายงาน เอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา แล้ส่งไปให้ ผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยต่อไป