posttoday

กสม.ปัดส่งปม"อังคณา"ร่วมแจม"ปิยบุตร"เคลื่อนไหวให้ป.ป.ช.วินิจฉัยพ้นตำแหน่ง

16 มิถุนายน 2562

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ( กสม.) เผยมติเสียงข้างมากไม่ส่งข้อร้องเรียน"อังคณา"ต่อให้ป.ป.ช.พิจารณา

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ( กสม.) เผยมติเสียงข้างมากไม่ส่งข้อร้องเรียน"อังคณา"ให้ป.ป.ช.พิจารณา

สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ( กสม.) เผยแพร่เอกสารข่าว กรณีมีผู้ร้องเรียนให้กสม.ยุติการสอบสวนทางวินัยต่อนางอังคณา นีละไพจิตรกสม. และให้พ้นจากตำแหน่ง โดยระบุว่า กสม.ไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการให้พ้นตำแหน่ง และมีมติไม่ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ

ทั้งนี้ กสม.ชี้แจงไว้ดังนี้

ตามที่มีผู้เรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยุติการสอบสวนทางวินัยต่อ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อันเนื่องมาจากการอภิปรายของนายตวง อันทะไชย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคำร้องเรียนของนายสุรวัชร สังขฤกษ์ แห่งกลุ่มการเมืองภาคประชาชนนั้น ขอเรียนว่า

(๑) เรื่องนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันพุธที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ ในขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ (ผู้สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาเอกทางกฎหมายจากประเทศฝรั่งเศสและเป็นอดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีนั้น นางอังคณาไปร่วมปรากฏตัวในระหว่างการสอบสวน

(๒) ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๒ นายสุรวัชร สังขฤกษ์ แห่งกลุ่มการเมืองภาคประชาชน มีหนังสือถึงประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) สอบสวนหาความจริงให้เกิดแก่สังคม หากพบว่านางอังคณามีความผิด ก็ขอเสนอให้นางอังคณาพ้นจากการเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

(๓) กสม. ด้านบริหารได้ประชุมเมื่อวันอังคารที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๒ เพื่อพิจารณาว่า จะส่งเรื่องนี้ไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจดำเนินการต่อไปหรือไม่ โดยขอให้นางอังคณาชี้แจงข้อเท็จจริงก่อน นางอังคณาได้ชี้แจงด้วยวาจาในวันเดียวกัน และมีหนังสือลงวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง

(๔) ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย การปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลพินิจ ต้องเป็นกลางทางการเมือง ทั้งต้องเป็นไปตามมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลักโดยต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติ

ส่วนการพิจารณาดำเนินการให้มีการตรวจสอบเพื่อให้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติผู้หนึ่งผู้ใดพ้นจากตำแหน่งนั้น ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายไทยมิได้บัญญัติให้เป็นหน้าที่และอำนาจของ กสม. แต่บัญญัติให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูล คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็มีอำนาจฟ้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

(๕) จากนั้นที่ประชุม กสม. ด้านบริหารเมื่อวันอังคารที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ได้พิจารณาปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่า กสม. จะส่งเรื่องนี้ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่และอำนาจพิจารณาต่อไปหรือไม่ ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเสียงข้างมากไม่ส่งเรื่องตามคำร้องเรียนของนายสุรวัชร สังขฤกษ์ ไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการ
การดำเนินการของ กสม. เกี่ยวกับข้อร้องเรียนนางอังคณาดังกล่าว มิใช่การดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อนางอังคณาตามที่มีการกล่าวอ้างแต่ประการใด