posttoday

ส่องภารกิจ“บิ๊กโจ๊ก” “กุนซือปลดทุกข์1111”

02 พฤษภาคม 2562

ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี จะเป็นที่มั่นแห่งใหม่ให้“บิ๊กโจ๊ก”ได้ใช้เวลาครุ่นคิดถ่ายทอดคำปรึกษาแก้ไขสารพัดปัญหาที่มีการร้องเรียนเข้ามา

ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี จะเป็นที่มั่นแห่งใหม่ให้“บิ๊กโจ๊ก”ได้ใช้เวลาครุ่นคิดถ่ายทอดคำปรึกษาแก้ไขสารพัดปัญหาที่มีการร้องเรียนเข้ามา 

*************

ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์เอ็กคลูซีฟ

โชว์ลีลาสับขาหลอกเล็กน้อย สำหรับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตผบช. สตม. ซึ่งถูกคำสั่งให้โอนย้ายจากข้าราชการตำรวจมาเป็นข้าราชการพลเรือน ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ก่อนหน้านั้น พัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ซึ่งได้ลาพักร้อนไปสหรัฐอเมริกาหลายสัปดาห์ ประสานขอเข้ารายงานตัวรับตำแหน่งใหม่ในวันที่ 2 พ.ค. ที่ กองการเจ้าหน้าที่ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

บรรดาสื่อมวลชนปักหลักเฝ้ารอ ทว่าไม่มีวี่แวว “บิ๊กโจ๊ก“ จะมาปรากฎตัว กระทั่ง ปลัดสำนักนายกฯ เปิดเผยนภายหลังว่า “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์” ได้มารายงานตัวเมื่อวันที่ 2 พ.ค.เป็นที่เรียบรัอยแล้ว

ทว่า เขาไม่ได้ไปรายงานตัวที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ หากแต่ว๊าบกายไปที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลาเจ็ดโมงเช้า พร้อมกับเข้าพบผอ.กองการเจ้าหน้าที่ สปน.แทน

เรียกได้ว่าไม่ทิ้งร่องรอยแม้แต่เงาให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพได้ทัน

ตามขั้นตอนแล้วต้องรายงานตัวกับปลัดสำนักนายกฯ ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการ แต่เนื่องจากปลัดสปน.ติดภารกิจในการเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จึงมอบหมายให้ไปรายงานตัวกับ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่แทน

การโอนย้ายจากข้าราชการตำรวจมาเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูจะไม่ได้ทำให้บทบาทหน้าที่ของนายตำรวจผู้มีความรู้ความสามารถ มีความถนัดเกี่ยวกับงานบริการประชาชน ต้องลดน้อยถอยลง

เพราะปลัดสปน.ได้เฟ้นหางานตามสไตล์” บิ๊กโจ๊ก ไว้เช่นกัน โดยพิจารณาจากทักษะความสามารถ จึงเหมาะสมในตำแหน่งให้คำปรึกษาการพัฒนาระบบงานบริการประชาชน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สำนักงานปลัดฯ ดูแลอยู่แล้ว

ทำนองว่าเป็น”กุนซือปลดทุกข์” ให้ประชาชน

อีกประการ การวางตำแหน่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปประจำอยู่ที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ดูจะลงตัวไม่ต้องเผชิญหน้ากับมวลชน ที่พร้อมจะมาร้องทุกข์ยังศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล

เหมือนอย่างที่ปลัดสปน.กล่าวไว้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่จำเป็นต้องมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาล ยกเว้นในวันที่ต้องเข้าร่วมประชุม เพื่อให้คำปรึกษาหน่วยงานเท่านั้นเอง

ส่องไปที่ ศูนย์บริการประชาชน หลักๆก็จะเป็นการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ประมวลข้อเท็จจริง ติดตามผลและเสนอความเห็นเกี่ยวกับปัญหาที่ประชาชนร้องทุกข์หรือร้องเรียน ตลอดจนปัญหาความเดือดร้อนอื่นของประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งการของนายกรัฐมนตรี

ภารกิจเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ “กุนซือปลดทุกข์” แต่อย่างใด

หากติดตามบทบาทหน้าที่”พล.ต.ท.สุรเชษฐ์”สมัยเป็นผบช.สตม. เขาเป็นมากกว่า ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ไม่ใช่แค่ติดตามตรวจสอบบุคคลต่างชาติท้าวต่างแดน การเข้าเมืองไทยอย่างผิดกฎหมาย เท่านั้น

เพราะในยามที่ไม่ได้ปฏิบัติภารกิจประจำ เขาสวมบทบาทอื่น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามทวงคืนโฉนดที่ดินจากนายทุนที่เรียกเก็บดอกเบี้ยโหด หรือแม้แต่ได้รับมอบหมายจากนายในทำเนียบฯให้ไปทำภารกิจพิเศษ

ผลงานของ”บิ๊กโจ๊ก” จึงถูกถ่ายทอดผ่านภาพประชาชนที่ได้รับการปลดทุกข์หนี้สินเข้าขอบคุณพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แทบทุกครั้งซึ่งมากกว่าเป็นผบช.สตม

อย่างที่กล่าว อีกทั้งปรากฎกายเคียงข้างนาย อย่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในยามที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจพบมวลชนในต่างจังหวัดอยู่เนืองๆ

ห้องสี่เหลี่ยม เก้าอี้นุ่มๆ แอร์เย็นฉ่ำ ชั้น 4 อาคารรัฐประศาสนภักดี หรืออาคารบี จะเป็นที่มั่นใหม่ให้“บิ๊กโจ๊ก”ได้ใช้เวลาครุ่นคิดถ่ายทอดคำปรึกษางแก้ไขสารพัดปัญหาที่ถูกส่งเข้ามาร้องเรียนตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ได้อย่างสบายใจ

อนึ่ง นับตั้งแต่คสช.ออกคำสั่งคสช.มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการระหว่างสอบสวน ทำให้ สปน.ต้องเปิดอัตรารองรับบุคคลเหล่านี้กว่า 100 อัตรา จึงต้องมากองกันอยู่ที่ทำเนียบฯ

สถานที่ไม่เพียงพอจึงย้ายส่วนหนึ่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลแล้วก็ตาม ก็ไม่เพียงพออีก ในที่สุดก็ต้องขอเช่าพื้นที่บริเวณชั้น 4 อาคารบี รองรับ

“บิ๊กโจ๊ก” จึงเป็นข้าราชการรายล่าสุดได้มาปักหมุด ณ อาคารเช่า แห่งนี้

ข่าวล่าสุด

โซ ออริจิ้น ศิริราช โชว์ยอดขาย 97% ชี้กำลังซื้อ Medical Hub แกร่ง