posttoday

"ธีระชัย" แนะ "บิ๊กตู่" ขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะด่วนที่สุด

17 กุมภาพันธ์ 2562

อดีต รมว.คลัง แนะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะป้องกันผู้เสียประโยชน์ใช้เป็นประเด็นต่อสู้ในอนาคต

อดีต รมว.คลัง แนะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะป้องกันผู้เสียประโยชน์ใช้เป็นประเด็นต่อสู้ในอนาคต

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยินยอมให้ใช้ชื่อลงแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐ ว่า ขอแนะนำให้รัฐมนตรีเรียกร้องให้มีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รัฐมนตรีอาจจะเข้าใจว่าการกระทำในรูปของคณะรัฐมนตรีจะมีความปลอดภัยเสมอ เพราะมีข้าราชการประจำระดับสูงเข้าร่วมประชุมด้วย ที่สำคัญได้แก่เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกา ซึ่งการใดที่ผ่านการพิจารณาของ ครม.แล้ว ก็ต้องถือว่ามีการดูเรื่องอย่างรอบคอบแล้ว

แต่ผมมีข้อสังเกตแก่รัฐมนตรี 2 ข้อ

ข้อที่หนึ่ง

เมื่อเดือน พ.ค. 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรีรวม 34 ราย กรณีอนุมัติและจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี 2548-2553โดยไม่มีอำนาจ และไม่มีกฎหมายรองรับ ทาง ป.ป.ช. เห็นว่า มีการออกหลักเกณฑ์และอัตราเยียวยาขึ้นใหม่ แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกฏหมายใดมารองรับการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว

เรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า รัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องพิจารณาข้อกฎหมายเอง มิใช่อาศัยแต่เลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกาโดยลำพัง

ข้อที่สอง

สำหรับเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามยินยอมเป็นแคนดิเดทนายกฯ ให้แก่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจจะเข้าลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และกรณีถ้าหากเข้าลักษณะดังกล่าว ก็จะทำให้การดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีต่อไปถูกฟ้องว่าเป็นโมฆะได้ รวมทั้งอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้อีกด้วยนั้น

เนื่องจากเป็นข้อถกเถียงในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าเลขาธิการสำนักงานกฤษฎีกาหรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จึงมิใช่เป็นผู้ที่มีอำนาจหรือหน้าที่จะชี้ขาด ผู้ที่มีอำนาจคือศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น

ดังนั้น ผมจึงขอย้ำคำแนะนำที่ให้ท่านนายกฯสั่งการเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้ดำเนินการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะของท่านนายกฯเป็นการด่วนที่สุด

นอกเหนือจากการประชุม ครม.แล้ว ผมขอแนะนำอีกด้วยว่า ระหว่างนี้ต้องระมัดระวังการอนุมัติเรื่องต่างๆ ภายในกระทรวงของท่านอย่างมาก เพราะกรณีที่มีผู้ใดเสียประโยชน์ ไม่ว่ารายที่ถูกใช้ดุลพินิจจัดอันดับให้เป็นรอง หรือรายที่ถูกตัดสิทธิในการเข้าแข่งขัน เมื่อสบช่องก็ย่อมจะหาทางสู้ จึงอาจจะรวมถึงการใช้ประเด็นนี้มาต่อสู้กับรัฐในอนาคตด้วย