"เสรีพิศุทธ์"บุกตรังมั่นใจเสรีรวมไทยกวาดสส.เกิน 100 ที่นั่ง

"เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" ยกทัพเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย ที่จ.ตรัง ท่ามกลางการต้อนรับอย่างคึกคัก ขึ้นเวทีอัดแหลกเรื่องปฎิวัติ พร้อมมั่นใจได้ไม่น้อยกว่า 100 ที่นั่ง

เมื่อ 19 ม.ค. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเสรีรวมไทย เลขที่ 15 ม.3 บ้านโคกยูง ต.โคกหล่อ  อ.เมืองตรัง  โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบบัญชีรายชื่อ คือ นายกมลภู สวัสดิสาร (สิทธิชัย) และว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขตของ จ.ตรัง ซึ่งประกอบด้วย เขต 1 นายเรวัต ชูวงศ์ทวิพงศ์ เขต 2 นายสง จันทร์สุขศรี และเขต 3 นายมงคลสิษฐ์ มีสุข  พร้อมประชาชนที่ให้การสนับสนุนมารอให้การต้อนรับ เพื่อร่วมขับเคลื่อนพรรคเสรีรวมไทย กันอย่างคึกคัก

โดยเมื่อเดินทางมาถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ทักทายผู้ที่มารอต้อนรับ  พร้อมทั้งได้ขึ้นเวทีพูดคุยและชี้แจงถึงนโยบายของพรรคเสรีรวมไทย ที่พร้อมเดินหน้าทางการเมืองและแก้ไขปัญหา ปลดล็อคประเทศไทย ด้วยนโยบาย 6 เรื่องหลักๆ คือ หยุดความยากจน หยุดผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด หยุดการคอรัปชั่น หยุดเผด็จการ หยุดไฟใต้ และหยุดแยกสีเสื้อ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยกับประชาชนชาวตรัง ว่า  ปัญหาบ้านเมืองของไทยเกิดมาจากทหารที่ไม่รู้จักหน้าที่ อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากมีอำนาจ อยากมีทรัพย์สิน และร่ำรวย  จึงได้มีการสร้างสถานการณ์ สร้างเรื่อง และนำมาซึ่งการยึดอำนาจปฎิวัติไม่จบสิ้น จนมีสถิติเป็นประเทศที่มีการปฎิวัติมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก  และก่อนที่จะมีการปฎิวัติ ต้องมีการสร้างเรื่องเพื่อหลอกลวงประชาชน ให้ร่วมมือ และอ้างความชอบธรรม มีการสืบทอดอำนาจของทหารจากรุ่นต่อรุ่น

ทั้งนี้ พรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่ ทั้งหัวหน้าพรรคและผู้สมัครของพรรค ต่างไม่เคยเล่นการเมืองมาก่อน และรู้ทันเกมของทหาร หรือนักการเมืองระบบเก่าที่แพ้การเลือกตั้ง แล้วมาร่วมมือกันปล้นประเทศ โดยการยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง  ดังนั้น พรรคเสรีรวมไทย จึงขออาสามาแก้ปัญหาของประเทศ  และตนเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโกงกันมากที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ  แต่หากตนเองได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อไปทหารจะไม่มีสิทธิ์ยึดอำนาจอย่างแน่นอน และจะมีการปฎิรูปทหารให้เข้ารูปเข้ารอยสักที  อย่างไรก็ตาม พรรคเสรีรวมไทย ตั้งเป้าว่าจะได้ที่นั่งในสภาฯ ไม่น้อยกว่า 100 เสียง