posttoday

‘บิ๊กตู่’ ประกาศเลือกตั้ง ลดแรงต้าน-มั่นใจในอำนาจ

01 มีนาคม 2561

นับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงพอสมควรสำหรับการประกาศไทมไลน์วันเลือกตั้งทั่วประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา

โดย ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

นับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงพอสมควรสำหรับการประกาศไทมไลน์วันเลือกตั้งทั่วประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 27 ก.พ.

"ตอนนี้ผมตอบชัดเจนแล้วนะ การเลือกตั้งไม่เกินเดือน ก.พ. 2562 จะเอาอะไรกันอีก แต่จะวันเวลาไหนก็อยู่ในห้วงเวลาดังกล่าวนั่นแหละประมาณ 150 วัน แต่ใน 150 วันนี้ก็ต้องพิจารณาดูว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ผมไม่ได้ขู่นะ แต่ถ้าทุกคนยังออกมา เดี๋ยวคอยดูแล้วกัน พอเวลาปลดล็อกทางการเมืองมันจะเกิดอะไรขึ้น มาบ้าง ผมก็หวังให้มันเกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมา หาเสียงกันโดยสงบ ไม่ใส่ร้ายป้ายสีกัน ไม่ยุยงปลุกปั่นอะไรทำนองนี้ มันจะได้เลือกตั้งได้

ผมก็อยากให้เลือกตั้งได้ ไม่ได้หมายความว่าจะให้เลือกตั้งไม่ได้ แล้วผมจะได้อยู่ต่อ ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่อยากจะคุยด้วย พอแล้วนะเรื่องนี้ เรื่องล้มกฎหมาย ผมบอกแล้วไม่มีนโยบาย มันทำไม่ได้ มันไม่ควรจะล้ม ต้องไปหาทางกันให้ได้เพื่อให้เลือกตั้งได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

หากจับคำพูดของนายกฯ เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ จะบอกแค่เพียงการเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแมป อาจจะมีบ้างที่บอกว่าถึงกำหนดเวลา แต่ไม่เคยแสดงถึงการอยากให้เกิดการเลือกตั้งชัดเจนเหมือนกับที่พูดเมื่อวันที่ 27 ก.พ.มาก่อน

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าอยากให้เกิดการเลือกตั้งมีความหมายในทางการเมืองอย่างไร?

เหตุผลหลักประการแรกคงหนี ไม่พ้นเพื่อลดแรงกดดันทางการเมือง ที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่เกิดกรณีนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีผลในทางลบต่อคะแนนความนิยม ของรัฐบาลพอสมควร

อีกทั้งผลงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจยังไม่เข้าตาประชาชนมากนัก ดังจะเห็นได้จากโพลผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่างระบุไปในทำนองเดียวกันว่าอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง

ปัจจัยเหล่านี้เป็นแรงส่งให้เริ่มเกิดการชุมนุมกดดันให้รัฐบาลคืนอำนาจให้กับประชาชนเพื่อให้ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งพลเรือนเข้ามาเป็นรัฐบาล

แต่ที่สุดแล้วแรงจูงใจที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าประกาศไทม์ไลน์เลือกตั้งนั้นไม่ได้มาจากแรงกดดันทางการเมืองเพียงอย่างเดียว เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจัยที่ว่านั้นคือ ร่าง พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการ เลือกตั้งจำนวน 4 ฉบับ

อย่างที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายกรรมการการเลือกตั้ง พรรคการเมือง การเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว.ประกาศลงใช้ราชกิจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับก่อน จากนั้นจะกำหนดวันเลือกตั้งให้อยู่ภายใน 150 วัน

โดยเวลานี้มีร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลใช้บังคับแล้ว 2 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง เหลือเพียงกฎหมายเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว.เท่านั้นที่ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมกัน 3 ฝ่าย

พลิกเข้าไปดูไส้ในของร่างกฎหมายเลือกตั้ง สส.และการได้มา ซึ่ง สว. ณ ขณะนี้ เป็นใจให้กับคสช.พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมาย สว.

กล่าวคือคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วมกัน 3 ฝ่าย มีมติให้กระบวนการเลือก สว.เป็นไปตามที่ สนช.กำหนด ได้แก่ ให้มี สว.จากกลุ่มวิชาชีพ 10 กลุ่ม ให้ผู้สมัครสามารถสมัครได้ผ่านองค์กรนิติบุคคลและอิสระ และ ยกเลิกระบบการเลือกไขว้ ซึ่งวิธีการเลือก สว. ของ สนช.นั้นจะมีอายุ 5 ปีในระยะเปลี่ยนผ่านเท่านั้น โดยเมื่อพ้น 5 ปีแล้วทุกอย่างจะกลับไปรูปแบบที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ออกแบบไว้ตามเดิม

การบัญญัติไว้เช่นนี้เรียกได้ว่าทำให้ กรธ.และ สนช.บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น เพราะ กรธ.เองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเสียอะไร ส่วน สนช.ก็ได้ในสิ่งที่ต้องการเช่นกัน โดยผลดีที่สุดตกอยู่ที่ คสช.เอง เนื่องจาก คสช.ในฐานะที่ต้องทำหน้าที่คัดเลือก สว. เพราะการให้มีองค์กรนิติบุคคลสามารถเสนอชื่อมาให้ คสช.เลือกได้ ย่อมทำให้ คสช.รู้หัวนอนปลายเท้าของคนที่เข้ามาสมัครได้มากกว่าบุคคลที่สมัคร สว.ในนามอิสระ

คสช.ต้องประณีตในการ เลือก สว.พอสมควร เพราะ สว.ยุค 4.0 ภายใต้การกุมบังเหียนของ คสช.นั้นไม่ได้เป็นวุฒิสภาตามปกติ แต่เป็นวุฒิสภาที่มีอำนาจพิเศษ ทั้งการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีและการติดตามการปฏิรูปประเทศและการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ

จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ คสช.ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อให้การสืบทอดอำนาจโดยอาศัยกติกาของกฎหมายเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะ มิเช่นนั้นแทนที่จะได้ลงหลังเสืออย่างสงบ อาจต้องมาผจญกับนักการเมือง ที่รอเช็กบิลกันอยู่

เมื่อเกมและอำนาจทุกกระบวนการท่าอยู่ในกำมือของ คสช. จึงทำให้พล.อ.ประยุทธ์ มีความมั่นใจและประกาศอย่างเป็นทางการว่าพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งในที่สุด

เหลืออีกไม่กี่อึดใจ การเลือกตั้ง ก็จะเกิดขึ้น เว้นเสียแต่ว่า คสช.จะระแวงอะไรบางอย่างและนำมาซึ่งการเปลี่ยนใจในเวลาต่อมา