ซัดร่างกฎหมายซูเปอร์บอร์ดฯ เปิดช่องขายสมบัติชาติ

“รสนา” ชี้ร่างกฎหมายซูเปอร์บอร์ดคุม 11 รัฐวิสาหกิจ เปิดช่องให้ขายสมบัติชาติ 6 ล้านล้าน

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า หลังจากที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติหลักการร่างกฎหมายตั้งซูเปอร์บอร์ดและบรรษัทรัฐวิสาหกิจ โดยจะมีการนำรัฐวิสาหกิจจำนวน 11 แห่ง ที่มีสภาพเป็นบริษัททั้งที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว เช่น ปตท. การบินไทย อสมท และรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังยังถือหุ้น 100% เช่น TOT  CAT ไปรษณีย์ไทย มารวมจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจโดยกระทรวงการคลังจะโอนหุ้นทั้งหมดในรัฐวิสาหกิจ 11 แห่ง ให้กับบรรษัทรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ครอบครองแทน และบรรษัทจะออกใบหุ้นให้กระทรวงการคลัง ซึ่งกระทรวงการคลังจะมีฐานะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายหนึ่งในบรรษัท

น.ส.รสนา ระบุว่า ในอนาคตเมื่อบรรษัทต้องการเพิ่มทุนในรัฐวิสาหกิจใด หากรัฐไม่สามารถเพิ่มทุนหรือไม่ต้องการเพิ่มทุนก็ต้องเปิดให้เอกชนมาถือหุ้นแทน ซึ่งคือกระบวนการแปรรูปอำพรางโดยที่ประชาชนจะคัดค้านเหมือนสมัยแปรรูปรัฐวิสาหกิจผ่านกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจไม่ได้อีกแล้ว เพราะเป็นการแปรรูปผ่านกระบวนการเพิ่มลดทุนในตลาดหลักทรัพย์ใช่หรือไม่

อดีตสมาชิก สปช. ระบุว่า การแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) สมัยที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่แบ่งแยกสาธารณสมบัติ ไม่แบ่งแยกอำนาจและสิทธิมหาชน ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศมาแล้ว ครั้งนี้รัฐบาล คสช.น่าจะหนักข้อกว่าใช่หรือไม่ที่ถึงกับจะเอาบริษัทรัฐวิสาหกิจ 11 แห่ง ที่มีทรัพย์สินรวมกันมูลค่ามหาศาลประมาณ 6 ล้านล้านบาท ซึ่งมีทั้งทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติ รวมทั้งอำนาจและสิทธิมหาชน เตรียมเปิดขายเหมาเข่ง เป็นกระบวนการผ่องถ่ายทรัพย์สินของรัฐให้เอกชนใช่หรือไม่

ทั้งนี้ การจัดตั้งบรรษัทและการรวบเอากรรมสิทธิ์ในหุ้นรัฐวิสาหกิจไปรวมศูนย์ไว้ในมือของบรรษัท จำเป็นจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบโดยรัฐสภา ไม่ควรปล่อยให้ สนช.ซึ่งเป็นสภาเสียงข้างเดียวที่แต่งตั้งโดยรัฐบาล คสช.มาตัดสินใจแทนคนไทยทั้งประเทศผู้เป็นเจ้าของสมบัติชาติที่แท้จริง