posttoday

โลกหลายมิติ

15 กันยายน 2553

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมหายหน้าไปเนื่องจากเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ และในปีนี้ถ้านับแล้ว ผมเดินทางไปจีนหลายครั้งเหลือเกิน

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมหายหน้าไปเนื่องจากเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ และในปีนี้ถ้านับแล้ว ผมเดินทางไปจีนหลายครั้งเหลือเกิน

และแต่ละครั้ง ต่างเห็นความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในแดนมังกร อันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ประชาชนชาวจีน ลืมตาอ้าปาก คนส่วนใหญ่ต่างพูดว่าจากที่เคยมีปัญหาอดมื้อกินมื้อ ก็อิ่มหมีพีมัน บางคนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ กลายเป็นปารีสแห่งเอเชียไปเรียบร้อยแล้ว

หากมองไปอีกฝั่งโลก สหรัฐอเมริกา เจ้าลัทธิประชาธิปไตยและทุนนิยม กำลังสำลักกับพิษเศรษฐกิจ ลืมตาไม่ขึ้น

นี่แหละ โลกมันไม่แน่นอน

คงจำกันได้ สมัยสหภาพโซเวียตรัสเซีย อดีตพี่เบิ้มในระบบคอมมิวนิสต์ล่มสลาย แตกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย ช่วงเวลานั้นสหรัฐประกาศชัยชนะของอุดมการณ์ประชาธิปไตย และทุนนิยม

แต่วันนี้ โลกกลับด้าน

ทุนนิยมอย่างสหรัฐกำลังพ่ายแพ้ ขณะที่สังคมนิยมคอมมิวนิสต์อย่างจีน กำลังมีชัย เป็นการพิสูจน์ให้เห็นทฤษฎีแมวสีอะไรก็ได้ ขอให้จับหนูเป็นก็พอ

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความมั่งคั่งของจีน สิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากคนจีนโดยเฉพาะคนชั้นกลางก็คือว่า แม้ชีวิตจะดีขึ้น เงินเดือนที่ดี แต่ก็แทบไม่มีเหลือ

สาเหตุเนื่องจากค่าใช้จ่ายมันวิ่งเร็วเหลือเกิน

ราคาอาหารของจีนต่างถีบตัวอย่างรวดเร็ว ราคาอาหารฟาสต์ฟู้ด ปกติธรรมดาก็จานละร่วมร้อยบาท

ค่าห้องพักปัจจัยสำคัญหากอยู่ใจกลางเมือง ก็สุดที่คนกินเงินเดือนจะเช่าอยู่ บางครั้งต้องแบ่งห้องเช่าเป็นห้องเล็กๆ ใช้ห้องน้ำรวม อยู่อย่างแออัด ค่ารถโดยสาร ฯลฯ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าของถูก

กระทั่งการเข้าวัด ก็ต้องเสียเงิน

ถ้าเทียบแล้วแม้คนจีนจะเงินเดือนแพงขึ้น แต่ค่าครองชีพก็แพงขึ้นเช่นกัน

การที่เศรษฐกิจดี ค่าครองชีพสูง แต่เมื่อหักลบกันแล้วก็แทบไม่เหลือ ต่างก็ต้องแสวงหาเงินตรามากยิ่งขึ้น เหล่านี้เป็นเงาอีกด้านของความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ

ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ด้านบวกก็มีด้านลบ มีสว่างก็มีเงามืด

เทียบแล้ว เมืองไทยแม้จะตบตีกันไม่เลิก แต่ดูแล้วมีความสุขกว่าเยอะ

ไม่เชื่อลองถามมหาเศรษฐีที่เงินล้นฟ้าต้องเร่ร่อนอยู่ต่างแดนได้!!!