posttoday

"นายกฯ"น้อมนำคำสอนสังฆราช ไม่หลงลาภยศ

14 กุมภาพันธ์ 2560

“นายกฯ” เผย สมเด็จพระสังฆราช ทรงให้กำลังใจรัฐบาลและ คสช.ทำงานเพื่อชาติด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท พร้อมเตือนสติ ทำงานระมัดระวังรู้ตัวเอง มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ

“นายกฯ” เผย สมเด็จพระสังฆราช  ทรงให้กำลังใจรัฐบาลและ คสช.ทำงานเพื่อชาติด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท พร้อมเตือนสติ ทำงานระมัดระวังรู้ตัวเอง มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ

วันที่ 14 กพ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า เช้าวันนี้ตนเองได้นำคณะรัฐมนตรี และคสช. เข้ากราบสักการะและถวายพระพรต่อสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงให้กำลังใจรัฐบาล และคสช. ในการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติต่อไปด้วยความระมัดระวัง ไม่ตกอยู่ในความประมาท พร้อมมีพระดำรัสในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องศาสนา ซึ่งทรงสอนเกี่ยวกับเรื่องการมีสติสัมปชัญญะ รู้คิด รู้ตัว รู้ปฏิบัติ ทุกคนคงเข้าใจอยู่แล้วว่า มีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ เพราะฉะนั้นอย่างไปผูกติดลุ่มหลงอยู่ตรงนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่แล้ว ตนเองก็ไม่เคยคิดที่จะอยู่ไปตลอดนานเท่านาน ทุกอย่างถือเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องทำ

นอกจากนี้ตนยังได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระองค์ท่าน ซึ่งตนได้ทูลฯ ท่านว่า คงต้องให้คำแนะนำกับประชาชนคนไทยให้หันกลับมาดูในเรื่องของศีลธรรม ซึ่งพระองค์ทรงมีกระแสรับสั่งถึงหน้าที่พลเมือง เรื่องศีลธรรม ซึ่งตนกล่าวถวายว่า วันนี้คนเราที่นับถือศาสนาพุทธ มีศีลธรรม แต่พอถึงเวลาก็ลืมหมด ขณะเดียวกันตนเองได้กราบบังคมทูลฯ ด้วยว่า สิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้คือทำอย่างไรให้สังคมไทย ข้าราชการใช้ศีลธรรมนำการทำงาน คือ หิริโอตัปปะ ความละอาย และเกรงกลัวต่อบาป วันนี้หลายคนอาจจะลืม แต่ตนได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าทำอะไรผิดจะรู้สึกเกรงกลัว และละอาย ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ยังมีอยู่หรือไม่ ดังนั้นเวลาที่จะพูด หรือทำอะไรออกมาถ้าไม่ใช่ ตนก็ไม่สามารถที่จะโกหก หรือบิดเบือนได้ เพราะละอายแก่ใจตัวเอง จะพูดจากเลวให้เป็นดีก็ไม่ได้ วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันสร้างสังคมให้เข้มแข็ง

"วันนี้ปัญหาหลักของบ้านเรามีอยู่ 3 อย่าง ประกอบด้วย ประชาธิปไตย ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และสังคม และการศึกษา ซึ่งต้องมีหลักคิด หลักการปฏิบัติให้ถูกต้อง ถึงจะคิดถูกเราจะต้องทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้น"นายกฯ กล่าว