posttoday

ยอมถอยพรบ.อุทยาน

03 กุมภาพันธ์ 2560

สปท.ยอมถอย ตัดบทเฉพาะกาลเอื้อเอกชนใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าออกจากร่างแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานฯ

สปท.ยอมถอย ตัดบทเฉพาะกาลเอื้อเอกชนใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าออกจากร่างแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานฯ

นายดำรงค์ พิเดช สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติ ในคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมาธิการได้หารือเพื่อทบทวนร่างแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ แล้วเห็นว่าในบทเฉพาะกาลโดยเฉพาะประเด็นทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างที่ยึดมาได้ให้ใช้ประโยชน์เพื่อการพิทักษ์ป่าเท่านั้น โดยให้ตัดข้อความซึ่งเดิมอาจจะมีการเอาพื้นที่ไปใช้ประโยชน์สำหรับการท่องเที่ยวทิ้งทั้งหมด โดยให้ใช้ในภารกิจอุทยานฯ พิทักษ์ป่าและงานวิจัยเท่านั้น
     
"ผมดีใจที่สื่อมวลชนมีความตระหนักและเป็นห่วงในเรื่องนี้และยังได้ช่วยกันติติง ซึ่งจะได้หาทางป้องกันและแก้ไขในสิ่งที่เป็นกังวล ถือเป็นมิติใหม่ของการดูแลทรัพยากรป่าไม้ว่าทุกฝ่ายจะต้องมีส่วนร่วม ยืนยันว่าผมทำเรื่องนี้มานาน ดังนั้นจะไม่ยอมกลืนน้ำลายตัวเองอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นคนทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นใครๆ ก็รู้" นายดำรงค์ กล่าว

ด้าน นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมายอุทยานฯ ฉบับใหม่ กล่าวว่า ในเร็วๆ นี้จะมีกรณีสำหรับประเด็นการยึดสิ่งปลูกสร้างของกรมอุทยานฯ มาเป็นกรณีตัวอย่าง โดยศาลกำลังจะตัดสินคดีโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งที่บุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติในพื้นที่ภาคใต้ ด้วยหลักฐานต่างๆ เชื่อว่ากรมอุทยานฯ น่าจะชนะคดี ประเด็นคือจะทำอย่างไรกับอาคารโรงแรมดังกล่าว

นายศศิน กล่าวว่า คณะทำงานได้นำประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยหารือกัน จากนั้นจึงได้ทำรายงานเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียระหว่างการเก็บอาคารไว้ หรือการรื้อถอนทุบทิ้ง ผลจากการประชุมหารือกันสรุปว่า หากนำมาเป็นของกรมอุทยานฯ ก็จะเป็นภาระมากกว่าที่จะได้ประโยชน์ แต่ในที่สุดคณะกรรมการก็ได้ลงมติว่า ถึงอย่างไรก็ให้ยึดสิ่งปลูกสร้างเอาไว้ก่อน ส่วนจะดำเนินการอย่างไรค่อยว่ากันอีกที ซึ่งเป็นที่มาของการให้อำนาจอธิบดีและคณะกรรมการเป็นผู้ตัดสินใจในร่างแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานฯ

นายศศิน กล่าวอีกว่า การที่ นายขวัญชัย ดวงสถาพร สมาชิก สปท. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ ได้ระบุว่า จะมีการแก้ไขบทเฉพาะกาลปิดช่องทางไม่ให้ภาคเอกชนและภาคราชการอื่นๆ เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่อุทยาน ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่จะทำให้หลายฝ่ายสบายใจมากขึ้น

"โรงแรมดังกล่าวหากต้องทุบทิ้ง ก็ต้องใช้เงินมากกว่า 100 ล้านบาท หรือหากจะเอาไปบริหารจัดการเอง โดยสร้างเป็นศูนย์ฝึกอบรม กรมอุทยานฯ ก็ต้องพัฒนาปรับปรุงอีกมากมาย เรียกว่าทำดีก็ไม่ใช่หน้าที่ ทำไม่ดีก็ถูกด่า ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง" นายศศิน กล่าว