นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เป็นประธานในการประชุม ศอฉ. โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงภายหลังการประชุม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานถึงเหตุการณ์การวางระเบิดที่หน้าคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่า เป็นระเบิดชนิดเอ็ม 79 ซึ่งจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ขีปวีถี ของตำรวจลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อหาทิศทางการยิงมาจากบริเวณใด ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้แนะนำว่า ถ้าไม่สามารถตรวจสอบทิศทางการยิงได้ ให้ไปตรวจสอบกับกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว โดยกรุงเทพมหานคร จะเป็นผู้รับไปดำเนินการ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ นายสุเทพ ได้สั่งการในที่ประชุมผ่านไปยังตัวแทนของ กทม.ให้มีการปรับปรุงกล้องวงจรปิดในกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ทันสมัยและนำมาเป็นหลักฐานได้
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ชี้แจงในที่ประชุมถึงกรณีที่มีการวิพากวิจารณ์ว่าการชันสูตรผู้เสียชีวิตในช่วงที่มีการชุมนุมทั้ง 89 ศพ ไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยได้กล่าวยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่าง ได้ทำตามขั้นตอน และได้ปรึกษาอัยการกับตำรวจอย่างถูกต้อง ซึ่ง นายสุเทพ สั่งกำชับให้ชี้แจงข้อมูลต่างๆ ให้สังคมได้รับทราบ และย้ำให้ทำงานทำตามข้อเท็จจริงเป็นหลัก โดยไม่ต้องไปคำนึงว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร
นอกจากนี้ คณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ได้ให้หน่วยงานความมั่นคง ไปประเมินการทำงานทุกหน่วยงานทั่วประเทศในการป้องกันการทุจริตและนำข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมเพื่อหาแนวทางต่อต้านการทุจริต ที่ปปช.จะจัดประชุมในวันที่ 10-13 พฤศจิกายนนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม ศอฉ. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงถึงเหตุการลอบวางระเบิดที่หน้าคิงเพาเวอร์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ก.-ส.ข.ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ 29 ส.ค.นี้ เพราะเป็นการเลือกตั้งระดับพื้น ซึ่งนายสุเทพ ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ดูแลความเรียบร้อยและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนถึงวันเลือกตั้ง