posttoday

รัฐบาลยันพรบ.กู้เงิน 2.2ลล.ไม่ขัดกม.

23 มีนาคม 2556

กิตติรัตน์ ควง ชัชชาติ แจง พ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้าน ยืนยัน ไม่ขัดกฏหมาย โปร่งใสตรวจสอบได้ เน้นกู้ในประเทศ ใช้หนี้หมดใน 50 ปี

กิตติรัตน์ ควง ชัชชาติ แจง พ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้าน ยืนยัน ไม่ขัดกฏหมาย โปร่งใสตรวจสอบได้  เน้นกู้ในประเทศ ใช้หนี้หมดใน 50 ปี

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคมออกรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน ชี้แจงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ เมื่อ 19มีนาคม 2556

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานมีการกลั่นกรองทั้งสภาพัฒน์ สำนักงานงบประมาณ แล้วมีการเสนอ สภาผู้แทนราษฎร และสภาวุฒิสภา ประเมินการครบถ้วนเหมือนของงบประมาณประจำปี แต่พ.ร.บ.ดังกล่าวที่ต่างจากงบประมาณประจำปี เป็นการทำให้มีการลงทุนได้ต่อเนื่องที่ได้รับความเห็นชอบกับสภาแล้ว

"พ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านบาท ที่ผ่านครม.ไปแล้วนั้น เป็นการลงทุนครอบคลุมคุ้มค่ามีการพิจารณาทั้งสภา กรรมาธิการ โครงการดีไม่ดีขึ้นอยู่กับราคากลางที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ สำนักงานงบประมาณและกรมบัญชีกลาง ซึ่งถือว่ามีความโปร่งใสขึ้นแล้ว"นายกิตติรัตน์ กล่าว

นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ แผนการลงทุนระยะเวลา 7 ปีเศษ เราเสนอว่าในการกู้ต้องภายในไม่เกิน 31 ธ.ค. ปี 2020 การดำเนินการก็จะมีการกู้เงินและเบิกจ่ายให้สอดคล้องกับความคืบหน้าในการก่อสร้างและการจัดเตรียมการลงทุน ขณะนี้สภาพคล่องในประเทศเราอยู่ในเกณฑ์ดีมาก สภาพคล่องเพียงพอลงทุนในระยะ 7 ปีครึ่งข้างหน้า เราก็จะพยายามใช้เงินภายในประเทศเป็นหลัก หากจะกู้ต่างประเทศมาก็เสริมสภาพคล่องให้มากไปอีก แต่หากจะกู้มาก็จะให้น้อยที่สุด
และมีการคิดแล้วว่าหนี้สาธารณะไม่เกิน 50% ต่อจีดีพี ซึ่งไม่ถึงตามที่กฏหมายระบุไว้ต้องไม่เกิน 60% ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม การกู้หนี้ครั้งนี้ไม่ได้ระบุไว้ในร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท แต่บัญญัติไว้ในคณะรัฐมนตรี โดยปีที่1-10 จะเป็นการจ่ายดอกเบี้ย และปีที่11จะเริ่มจ่ายเงินต้น และการก่อหนี้ทั้งหมดจะหมดไม่เกิน 50 ปี ซึ่งเหมือนกับการกู้ซื้อบ้าน ถ้ามีการโป๊ะเร็วก็ทำให้ชำระได้เร็ว

ด้าน นายชัชชาติ กล่าวว่า ประชาชนสามารถตรวจสอบการดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้ เพื่อป้องกันการรั่วไหลและการทุจริต ซึ่งสามารถตรวจสอบกระบวนการต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ของทางภาครัฐ พร้อมทั้งนี้ ภาครัฐ ยังพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่จะมีขึ้นในการป้องกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเชื่อว่าหากมีการกำหนดราคากลางที่เหมาะสม และคุณภาพที่ได้ไปตามมาตรฐาน ก็เชื่อว่าจะสามารถป้องกันการทุจริตได้

นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่า ที่ผ่านมาข้อกฎหมายในการออก พ.ร.บ.นั้น ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น เนื่องจากจากที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาโดยตลอดจึงเชื่อว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่น่าจะติดขัดในข้อกฎหมาย พร้อมกันนี้ อยากฝากยังประชาชนว่าอย่ากลัวในการลงทุน แต่เรื่องนี้ต้องช่วยกันตรวจสอบเพื่อให้ประเทศพัฒนาต่อไป