posttoday

SDG Index ไทยพัฒนายั่งยืนอันดับ 1 อาเซียน

05 กรกฎาคม 2564

โดย ธันยพร กริชติทายาวุธ

************************

รายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืนปี 2564 ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ 43 ของโลก จากทั้งหมด 165 ประเทศ ทั่วโลก เป็นอันดับ 1 ของอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว และเป็นลำดับ 3 ในทวีปเอเชีย ในรายงานการจัดอันดับ การพัฒนาอย่างยั่งยืน รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ “SDG Index” เป็นการประเมินความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ซึ่งประเทศไทยมีคะแนนเฉลี่ยรวม 74.19 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ อยู่ที่ 65.7 คะแนน

ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศที่มีความกระตือรือร้นในการนำ SDGs เข้ามาผนวกเป็นเป้าหมายในการพัฒนาของประเทศ  ตามที่ปรากฎในแผนพัฒนาระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ 12 เป็นต้นมา ซึ่งสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ได้มีส่วนร่วมสำคัญในการเป็นตัวแทนภาคธุรกิจ ในคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (กพย.) เพื่อเป้าหมายการพัฒนาระดับชาติด้วย

ผลการประเมินตามที่คะแนนที่ได้รับมา เป็นความภาคภูมิใจของทุกภาคส่วน และเชื่อว่าเป็นผลจากการทำงานร่วมมือกันในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะองค์กรสมาชิกของสมาคมฯ 69 องค์กร ที่มี Market Cap รวมกันกว่า 6.2 ล้าน ล้านบาท และมีจำนวนพนักงานรวมกันมากกว่า 750,000 คน ซึ่งมีศักยภาพในการขับเคลื่อน ให้ความร่วมมือกับ ทั้งภาครัฐและภาคสังคม ตลอดจนมีวิธีการทำงานใหม่ๆมาปรับให้การประกอบธุรกิจมีความรับผิดชอบสูงและดูแลสังคมโดยรวมไปด้วยกัน

ในปีที่ผ่านมา สมาชิกของสมาคมฯ ได้ประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันว่าในทศวรรษแห่งการลงมือทำจนถึงปี 2573 นั้น จะนำ SDGs ไปสู่การปฏิบัติให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมในบริบทของไทย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง ยกระดับมาตรฐานการทำธุรกิจ โดยองค์กรสมาชิกจะลงทุนในโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งเสริมการบรรลุเป้าหมาย SDGs จำนวน 1,088 โครงการ รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.3 ล้านล้านบาท มุ่งเน้นการยกระดับการดำเนินงานในทุกเป้าหมายให้รอบด้าน และตอบสนองความต้องการของทุกภาคส่วน ทำให้เรามั่นใจว่าความร่วมมือและความมุ่งมั่นขององค์กรสมาชิก รวมถึงทุกภาคส่วนในประเทศไทย ในการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบนพื้นฐานของความยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs จะนำมาซึ่งการพัฒนาและฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สมาคมฯ มีแผนยุทธศาสตร์ที่จะขยายเครือข่ายความยั่งยืน และพร้อมร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย และทุกภาคส่วน ผลักดันให้ภาคธุรกิจเดินหน้าสู่เป้าหมาย SDGs ด้วยการลงมือทำอย่างจริงจังในกลไกธุรกิจ และพร้อมผนึกกำลังทุกภาคส่วนผลักดันนโยบายเชิงกลยุทธ์ผ่านการดำเนินงานระดับประเทศ เน้นเรื่องการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ซึ่ง ก.ล.ต. ได้เริ่มกำหนดให้มีการรวมแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี ที่ได้ปรับปรุงให้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนที่รวมอยู่ในกระบวนการทางธุรกิจ (ESG in-process) สำหรับบริษัทจดทะเบียน ให้เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเคารพสิทธิมนุษยชน และการมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในแบบ 56-1 One report ตั้งแต่รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งผู้ลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพประกอบการตัดสินใจ สอดรับกับแนวโน้มของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศได้ออกกฎเกณฑ์ให้มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเพิ่มขึ้น ทั้งแบบสมัครใจ และภาคบังคับ

ในฐานะเครือข่ายท้องถิ่นด้านความยั่งยืนของสหประชาชาติ สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ได้ทำงานร่วมกับองค์การระหว่างประเทศของสหประชาชาติ ทั้งในประเทศและระดับโลก เพื่อแนะนำการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจ ตอบโจทย์การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs (Sustainable Development Goals) ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ และนำองค์ความรู้จากที่ปรึกษาชั้นนำของโลกมาให้กับภาคธุรกิจและภาคประชาชนที่ทำงานด้านความยั่งยืนในไทย โดยมีการอบรมหลักสูตรระดับนานาชาติว่าด้วย SDG Action Manager, SDG Impact Measurement and Management, SDG Ambition Workshop ซึ่งขณะนี้มีองค์กรชั้นนำในไทยเข้าร่วมเรียนรู้มาแล้วกว่า 100 องค์กร และจะเป็นเครือข่ายความยั่งยืนยุคใหม่ที่จะร่วมกันลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลงโลก (A New Era of Action)

วิกฤติ COVID ที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเบาบางลงสักวัน แต่เรื่องความยั่งยืนจะยังเป็นประเด็นสำคัญของโลกสำหรับทุกคน ฉะนั้น การไปถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนยังมีความสำคัญและเราต้องผนึกกำลังกันต่อไป