posttoday

ไทยเลือกได้

05 พฤศจิกายน 2563

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

**********************

ในขณะที่เขียนบทความนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติว่าทรัมป์หรือโจไบเดนจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป แต่วันนี้ผู้อ่านคงรู้แล้วว่า ใครได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐ ทรัมป์ยังรักษาแชมป์ไว้ได้ หรือโจ ไบเดน ชนะ ( แต่ถ้ามีการฟ้องร้อง การประกาศผลก็เลื่อนออกไป ) แล้วไทยจะเตรียมตัวรับท่าทีและนโยบายของรัฐบาลอเมริกันชุดใหม่อย่างไร

เมื่อยักษ์ขยับตัว โสกก็สะเทือน ไม่แตกต่างอะไรกับการเลือกตั้งในสหรัฐที่เราคงจะรู้ผลอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ สหรัฐอเมริกาเป็นอภิมหาอำนาจโลกซึ่งเคยยิ่งใหญ่ชนิดที่ประกาศระเบียบใหม่ของโลกให้ประเทศอื่นทำตาม สหรัฐเคยทะนงตัวในความเป็น “เอกอัครอภิมหาอำนาจโลก” จนกระทั่งมาเจอกับแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ – อูซามะ บิน ลาเดน แห่งกลุ่มอัล กออิดะ ตามด้วยกลุ่มไอ.เอส

คำว่า “อภิมหาอำนาจโลก” หมายถึงประเทศที่มีผลประโยชน์อยู่ทั่วโลก จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสหรัฐถึงเที่ยวไปยุ่งกับประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่หรือเล็ก และบีบบังคับ กดดันให้ประเทศนั้น ๆ ดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ จนบางครั้งได้รับสมญาว่าเป็น “อันธพาลโลก”

ไม่ว่าพรรครีพับลิกันหรือดีโมแครตขึ้นครองอำนาจ รัฐบาลอเมริกันทุกสมัยมีนโยบายหลักตรงกัน คือ อเมริกาต้องยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก อเมริกาต้องเป็นอภิมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ส่วนเรื่องอื่นอาจให้น้ำหนัก ความสำคัญเร่งด่วน แตกต่างกันได้ แต่เรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของอเมริกัน สองพรรคจะเห็นตรงกันเสมอ

นักการเมืองอเมริกันดีอยู่อย่างที่มองผลประโยชน์ของชาติเหนือผลประโยชน์ของพรรคการเมือง

รัฐบาลไทยเช่นเดียวกับรัฐบาลประเทศต่างๆ ทั่วโลก จับตาดูผลการเลือกตั้งอย่างใกลั้ชิด ถ้าทรัมป์ชนะ ไทยก็พอจะชินกับนโยบายของทรัมป์ในช่วง 4 ปีทีผ่านมา ซึ่งทรัมป์จะเน้นเรื่องความยิ่งใหญ่ของอเมริกา ผลประโยชน์ของอเมริกาต้องมาก่อน ประเทศใดไม่ทำตาม หรือทำตามแต่ทรัมป์ยังไม่พอใจ ก็เตรียมรับมาตรการกดดันและลงโทษจากทรัมป์ได้

นโยบายจองทรัมป์ที่เราเคยชินกันแล้ว อาทิ การปรับดุลการค้ากับประทศที่ได้เปรียบสหรัฐ ประเทศไหนที่ได้เปรียบดุลการค้าต้องปรับลดช่องว่างความได้เปรียบลง โดยซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น ไทยก็ต้องซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้นเช่นกัน ลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับกองทหารอเมริกันในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก โดยให้ประเทศที่ถูกคุกคามและมีผลประโยชน์โดยตรงแบ่งเบาภาระไปบ้าง ที่น่าสนใจคือ ทรัมป์ไม่ค่อยสนใจกดดันประเทศอื่น ๆ ในประเด็นประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เท่ากับพรรคดีโมแครต ทรีมป์เน้นเรื่องผลประโยชน์ของอเมริกันและสร้างงานให้กับคนอเมริกันเป็นสำคัญ

ถ้าทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สอง ไทยซึ่งเริ่มชินกับนโยบายและท่าทีของรัฐบาลทรัมปคงดำเนินนโยบายต่างประเทศกับสหรัฐที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

หากโจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคดีโมแครตได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ไทยก็ต้องปรับตัวและท่าทีใหม่ซึ่งไม่ได้ลำบากอะไร เพราะเจอแรงกดดันมาแล้ว 8 ปีสมัยที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี ไทยเคยเจอท่าทีแข็งกร้าวจาก นางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศรัฐบาลทรัมป์มาแล้ว พรรคดีโมแครตเน้นเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน มากกว่าทรัมป์ หากโจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตยคงเฮกันสนุกไปเลย รัฐบาลก็ต้องเตรียมรับแรงกดดันตั้งแต่เรื่องสถาบันสูงสุด ประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน

ในช่วงพรรคดีโมแครตขึ้นครองอำนาจ การคุกคามสถาบันกษัตริย์ของไทยจากนักการทูตสหรัฐมีบ่อยและเปิดเผย ขณะนั้น ทูตหญิงอเมริกันในไทยซึ่งใกล้ชิดกับฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ พูดพาดพิงจาบจ้วงสถาบันสูงสุดในหลายโอกาสโดยไม่คำนึงความรู้สึกของคนไทยผู้จงรักภักดี นักการทูตอเมริกันไปเยี่ยมหมู่บ้านเสื้อแดงอย่างเปิดเผย ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไรคนไทยคงรู้ดี

สิ่งหนึ่งที่คู่แข่งของสองพรรคมีความเห็นตรงกัน ไม่ว่าทรัมป์ หรือ โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง คือ นโยบายต่อจีนจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยมองว่า จีนเป็นภัยคุกคามอันดับแรกจีนท้าทายระเบียบโลกที่สหรัฐกำหนดไว้ ท้าทายความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของสหรัฐ ประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไปจะสนใจภูมิภาคแปซิฟิคมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในทะเลจีนใต้ที่จีนกำลังพัฒนาหมู่เกาะสแปรตลีย์ นอกจากนั้น ยังไปวุ่นวายกับประเทศในลุ่มน้ำโขง อันประกอบด้วยพม่า ลาว กัมพูชา ไทย โดยคุยว่าตนมีเงินที่จะให้ประเทศเหล่านี้พัฒนาเศรษฐกิจ แต่เป็นที่รู้กันว่า ที่สหรัฐเข้ามาวุ่นวายในประเทศกลุ่มแม่น้ำโขงมีเจตนาเพื่อใช้ประเทศเหล่านี้ซึ่งได้รับผลกระทบจากเขื่อนในจีน ต่อต้านจีนเป็นสำคัญ

ไทยมีผลประโยชน์กับทั้งอเมริกันและจีน สหรัฐลงทุนมากในไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง การทหาร การปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติ ใช้ไทยเป็นจุดเฝ้าสังเกตุการณ์ในภูมิภาค สหรัฐให้ความสำคัญกับไทยค่อนข้างมากเพราะต้องการใช้ไทยเป็นจุดต้านการขยายอิทธิพลของจีน ขณะที่ไทยก็มีผลประโยชน์ใกล้ชิดกับจีนทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว

แม้ว่าอยู่ระหว่างเขาควายที่สองอภิมหาอำนาจขัดแย้งกัน แต่ไทยไม่สามารถยกประเทศหนีไปไหนได้ สภาพทางภูมิศาสตร์ ไทยมีที่ตั้งอยู่ใกล้จีนมากกว่า คนไทยใกล้ชิดกับคนจีนมากกว่า ควรเป็นที่เข้าใจได้ ประเทศเล็ก ๆ เช่นไทยไม่สามารถจะเป็นสัตรูหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีนได้ เราต้องการเป็นมิตรกับทั้งสองฝ่าย

และเข้าใจได้ดีว่า ประเทศอภิมหาอำนาจนั้น หากมีโอกาสก็อยากมีอิทธิพลเหนือประเทศเล็ก และอยากให้ประเทศเล็กอยู่ข้างตนแต่ฝ่ายเดียว แต่ไทยก็มีประสบการณ์ในการเอาตัวรอดจากความขัดแย้งของมหาอำนาจได้ตลอดมา

ท่านผู้รู้ได้เปรียบไว้อย่างน่าฟังจนเห็นภาพได้ชัดเจน ว่า ถ้าเปรียบไทยเป็นคน เราก็อยู่ระหว่างสองเจ้าพ่อที่ขัดแย้งกัน หากเราทำอะไรไม่ถูกใจเจ้าพ่อคนใดคนหนึ่ง เจ้าพ่อก็อาจถีบเราตกเหวได้ เราจะทำตัวเข้ากับเจ้าพ่อทั้งสองได้อย่างไร

ทำอย่างไรเราจะทำตัวเป็นประโยชน์กับเจ้าพ่อทั้งสอง เขาอาจไม่ได้ทั้งหมดในสิ่งที่ต้องการ แต่เราอาจช่วยเจ้าพ่อให้ได้บ้างให้ได้ผลประโยชน์พอๆ กัน เช่น การพัฒนาประเทศลุ่มน้ำโขง การเชื่อมต่อเส้นทางสายไหมทางทะเล สหรัฐคุยว่ามีเงินเยอะอยากช่วยประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เราอาจช่วยสหรัฐคิดและตอบโจทย์ว่า เขาจะช่วยประเทศในภูมิภาคนี้ได้อย่างไร และเราจะช่วยสร้างผลประโยชน์ร่วมได้อย่างไร ไม่ให้สหรัฐเข้ามาสร้างความขัดแย้งในภูมิภาคแต่อย่ากลับมาใช้ไทยเป็นฐานต่อต้านจีนเหมือนกับที่ทำสมัยสงครามเวียดนาม เพราะจะไม่มีทางสำเร็จ

ในขณะที่จีนมีเงินทุนมากที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศในภูมิภาค เราอาจช่วยแนะว่าควรนำทุนนั้นมาพัฒนาภูมิภาคได้อย่างไรโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเวลานี้ ทุกประเทศหรือเกือบทุกประเทศในอาเซียนต่างก็มีการค้า การลงทุนกับจีนอยู่แล้ว

สรุปว่า ไม่ว่าทรัมป์หรือไบเดนจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐรายต่อไป แต่สำหรับกิจการด้านความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยยัง “เลือกได้” เลือกที่จะเป็นมิตรกับทั้งสองฝ่ายตามแบบไทย ๆ เพราะทั้งสหรัฐและจีนต่างไม่อยากผลักให้ไทยใกล้ชิดกับอีกฝ่ายมากเกินไป

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ผลบอลสด วันอาทิตย์ที่ 28 ธ.ค. 68