posttoday

เหลียวหลัง มองหน้า ประเทศไทย

05 ธันวาคม 2562

ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

**********************************

หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมปูตินพื้นรัสเซียขึ้นมาได้ ทำไมจีนก้าวหน้ากว่าทุกประเทศ เศรษฐกิจขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ แซงหน้าประเทศอื่นหมดและ กำลังจะ แซงสหรัฐ ทำไมคนอเมริกันเลือกทรัมป์มาบริหารประเทศ ซึ่งก่อกวนคนอื่นไปทั่วโลก สงครามการค้าสหรัฐจีน จะยืดเย้อแค่ไหน จะจบลงอย่างใด

ทุกคนมีข่าวเหมือนกันหมด แต่จุดยืนต่างกัน ตั้งสมมติฐานคนละอย่างภัยคุกคามที่มองไม่หมือนกัน ทุกฝ่ายต้องการปกป้องและ เพิ่มพูน "ผลประโยชน์ของชาติ" ข่าวแบบเดียวกันแต่ทำไมวิเคราะห์ไม่เหมือนกัน เพราะจุดยืนไม่เหมือนกันหรือ?

สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงต้องคิดคือ (1) อะไรคือภัยคุกคามของประเทศ ต้องวิเคราะห์ให้ถูกว่า ภัยคุกคามนั้นรุนแรงในระดับไหน อะไรที่เป็น "ปัญหาเลวร้าย" สำหรับชาติ (2) พอรู้ปัญหาแล้ว เราจะ"ปลดชนวน" ได้อย่างไรหาวิธีปลดชนวนอย่งเป็นระบบ ตามขั้นตอนอย่าข้ามขั้น เพราะหากผิดชั้นตอน แทนที่จะดีขึ้น หรือลดความรุนแรงลง สถานการณ์อาจแรงขึ้นอย่างที่เราไม่ตั้งใจ

นอกจากนั้น ต้องเตรียม "ตัวกันกระเทือน" (หรือโซ๊คอัพของรถยนต์) เพื่อลดแรงสะเทือนความเลวร้ายของสถานการณ์ สุดท้าย เราต้องปรับระบบ ปรับยุทธวิธี เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน และลด "ความเสี่ยง" ให้เหลือน้อยทีที่สุดเวลานี้ เขาไม่ได้เน้นเรื่องศักยภาพทางทหารเท่านั้น เพราะโอกาสจะรบกันมียากแต่ก็ต้องพัฒนาศักยภาพทางทหารให้สูงที่สุด ไว้บลัฟกันในเชิงการทูต แต่จะเน้นเรื่องการเปลี่ยนวิธีคิดมากกว่า

เช่น สหรัฐสนับสนุนให้เกิดประชาธิปไตยในรัสเซีย โดยใช้เพื่อนบ้านที่อยู่ในเขตอิทธิพลของรัสเซีย เพื่อปิดล้อม หาทางโค่นมรัฐบาลรัสเซียตามแนวคิดรัฐบาลโลก ทำให้โลกเป็นประชาธิปไตยมีเสรีภาพ มีสิทธิมนุษยชน ค้าขายเสรี

เวลานี้ สหรัฐและรัสเชียเป็น"คู่แข่ง" แค่นั้น ไม่ทำให้เป็น "ศัตรู" สหรัฐสร้างการกดดันทางการเมืองในรัสเซียและบริวาร (การปฏิวัติสีต่างๆ) ให้คนท้องถิ่นลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องประชาธิปไตย ให้คนเกิดอารมณ์ เกิดการกดดันทางการเมือง ลุกฮือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลกลาง แต่สหรัฐก็ไม่หนุนมากไป จนเกิดการเผชิญหน้ากันจนเป็นจุดอันตรายของโลก อย่าให้ไปโหมให้ไฟลุก แล้วต้องมาช่วยกันดับอีก

"ฮ่องกง" เป็นตัวอย่างที่เป็นได้ชัดในปัจจุบัน ที่อเมริกาเข้าไปยุแหย่คนฮ่องกงที่คิดว่าตัวเองเป็นอังกฤษ โตแบบอังกฤษ พูดอังกฤษ ดำเนินชีวิตแบบอังกฤษ แต่อยู่ในอธิปไตยจีน สร้างประชาธิปไตยภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์ หรือ อำนาจนิยม ก่อกวน ให้จีนมีปัญหา มุ่งแก้ปัญหา ขณะเดียวกันทรัมป์ก็กดดันจีนเรื่องการค้า ฯลฯ ในกรณีนี้ รับรองได้ว่าไม่มีสงคราม ทรัมป์เพียงก่อกวนไม่ให้จีนอยู่สุข อเมริกาหนุนให้วุ่นวายในฮ่องกงฯลฯ แต่ไม่ทำสงคราม

ปี 2562กำลังใกล้เข้ามา เป็นหน้าที่ที่เราจะต้อง "มองหลัง" ว่า เกิดอะไรขึ้นกับไทยบ้างในปี 2562 และ "มองหน้า" ในปี 2563 ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศบ้างโดยเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง จากนั้น ระบุให้ได้ใกล้เคียงและแยกแยะให้ได้ว่า อะไรคือ "ปัญหา" อะไรคือ "สิ่งท้าทาย" อะไรคือ "ภัยคุกคาม" เพราะระดับความรุนแรงไม่เหมือนกัน การระดมทรัพยากรที่มีอยู่และที่จะหาได้เพิ่มเติมไปแก้ปัญหาดังกล่าวก็ไม่เหมือนกัน

การพิจารณาภัยคุกคามนั้น ต้องพิจารณาทั้ง "โอกาสที่จะเกิดขึ้น" กับ "ความรุนแรง " หรือ "ผลกระทบ" ภัยบางอย่างมีโอกาสที่จะเกิดสูง แต่ความรุนแรงน้อย แต่ภัยบางอย่างมีโอกาสกิดขึ้นน้อย แต่มีผลกระทบสูง ภัยที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูงและมีผลกระทบสูง ต้องจัดอยู่ในความสำคัญเร่งด่วนลำดับต้น ๆ

"ความสำคัญเร่งด่วน" ของภัยคุกคามต้องถูกระบุให้ได้ เพราะรัฐบาลไม่มีทรัพยากรมากพอที่จะไปแก้ปัญหาทุกปัญหาได้พร้อมกัน จึงต้องจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ไปแก้ปัญหาที่มีความรุนแรง เร่งด่วน ก่อนตามลำดับ และรวบรวมทรัพยากรที่ "พอหาได้เพิ่มเติม" มาช่วย อะไรที่พอป้องกันไม่ให้เกิดหรือที่จะลดแรงสะเทือนได้ก็ต้องทำ ป้องกันไม่ให้เกิดต้องมาก่อน ต่อไปคือลดแรงสะเทือน เครื่องมือที่ใช้ได้ผลที่สุดคือ "การเจรจา" เพื่อทำให้หนักเป็นเบาและที่เบาก็ให้หายไป

ปี 2563 กำลังใกล้เข้ามา ป่านนี้ หน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศคงคร่ำเคร่งในการมองหลัง มองหน้า และหาทางลด แก้ไขปัญหาและภัยคุกคามด้านความมั่นคงทั้งที่มนุษย์สร้างขึ้นและที่เกิดโดยธรรมชาติ ไว้พร้อมแล้ว