posttoday

สงครามเงาในฮ่องกง

24 ตุลาคม 2562

ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

**************************************

สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ผ่านกฎหมาย 4 ฉบับ โดย 3 ฉบับเกี่ยวกับฮ่องกงใน 3 เรื่องสำคัญ คือ (1) สนับสนุนสิทธิของประชาชนฮ่องกงในการประท้วง (2) กล่าวหาว่าจีนแทรกแซงกิจการของฮ่องกง (3) ห้ามบริษัทของสหรัฐขายอาวุธและอุปกรณ์ในการควบคุมฝูงชนที่ตำรวจฮ่องกงอาจนำไปใช้ฝูงชนที่ประท้วง ส่วนฉบับที่ 4 สนับสนุนรัฐบาลแคนนาดาในกรณีไม่ส่งกลับผู้บริหารของหัวเหว่ยที่แคนาดาจับตัวไว้ตามคำของของสหรัฐตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 ในข้อหาขโมยทรัพย์สินทางปัญญาอเมริกันและละเมิดข้อตกลงของอเมริกันว่าด้วยการแซงชั่นอิหร่าน กลับจีนตามที่จีนร้องขอ

นอกจากนั้น สภายังได้ออก “กฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกง” ยังระบุให้อำนาจรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐให้การรับรองในทุกปีว่า ฮ่องกงจะยังคงรักษาสถานะความเป็นเขตปกครองพิเศษของตนเองในความเป็นศูนย์กลางการเงินโลกแห่งหนึ่งไว้ได้ตามที่จีนกับอังกฤษตกลงกันไว้ก่อนเมื่อครั้งอังกฤษส่งมอบฮ่องกงว่า จะไม่มีการเปลี่ยนสถานะของฮ่องกงใน 50 ปีข้างหน้า แต่ยินยอมให้จีนทบทวนได้ทุกปี ในกรณีนี้ หมายความว่า สภาอเมริกันจะให้กระทรวงต่างประเทศอเมริกันคอยตรวจสอบการทบทวนในแต่ละปีด้วย

พิจารณาจากท่าทีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีเสียงเป็นเอกฉันท์จากพรรครีพับลิกันและดีโมแครตในการผ่านร่างกฎหมายสำคัญดังกล่าว กระบวนการขั้นต่อไปต้องส่งไปให้วุฒิสภา พิจารณา หากวุฒิสภาเห็นชอบ ก็ให้ประธานาธิบดีลงนามเพื่อมีผลบังคับใช้ต่อไป ซึ่งกระบวนต่างๆ คงผ่านด้วยดี เพราะทรัมป์คงรอลงนามอยู่แล้ว

สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐกำลังใช้ฮ่องกงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการต่อสู้และแข่งขันอิทธิพลกับจีนในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ยังไม่นับ “สงครามการค้า” ระหว่างสหรัฐกับจีน

ในขณะที่สภาสหรัฐกล่าวหาว่าจีนแทรกแซงกิจการภายในของฮ่องกงนั้น ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วสิ่งที่สหรัฐทำเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นหรือเปล่า เพราะฮ่องกงเป็นเขตอธิปไตยของจีน แต่สหรัฐสนับสนุนคนฮ่องกงอย่างเปิดเผยในการชุมนุมประท้วงจนนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจการเงินของฮ่องกงที่รู้กันไปทั่วโลก สหรัฐเองก็ยอมรับอย่างเปิดเผยด้วยว่า ได้สนับสนุนม็อบในฮ่องกงจริง นายโจชัวหว่อง แกนนำในการชุมนุมก็เพิ่งเดินทางกลับจากเยือนฮ่องกงและกฎหมายที่สภาอเมริกันที่เพิ่งออกมาก็สอดรับกับจังหวะที่นายโจชัวหว่องไปเยือนฮ่องกงพอดี

ชาวอังกฤษเคยถามแกนนำผู้ชุมนุมฮ่องกงว่า ทีแรกก็ชุมนุมอย่างสงบสันติดี แต่ระยะหลังจึงใช้ความรุนแรงด้วยการเผาทรัพย์สิน ปิดสนามบิน ทำร้ายตำรวจ ทำไมไม่ใช้วิธีการสันติแบบมหาตมะ คานธี ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนและยกย่องจากคนทั่วโลก

คนฮ่องกงชุมนุมมานาน 20 สัปดาห์แล้ว จากเริ่มต้นที่มีคนเป็นพัน ต่อมาเพิ่งเป็นหมื่นและแสน สูงสุดอาจถึงล้านคน เพราะเริ่มจาก “การปฏิวัติร่ม” ที่ใช้ร่มเป็นสัญลักษณ์ในการชุมนุม ดูแล้วก็น่ารักดี คนประเทศอื่นพากันเห็นอกเห็นใจคนหนุ่มสาวที่เป็นคนจุดประกาย การชุมนุมอย่างสันติดึงคนมาร่วมมากขึ้นเพราะคนทั่วโลกนิยมสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง แต่ระยะหลัง คนเริ่มลดลงเพราะ “ความชอบธรรม” ในการชุมนุมเริ่มเป็นปัญหา เนื่องจากประเด็นที่นักศึกษาจุดขึ้นครั้งแรกโดยเรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงยกเลิกร่างกฎหมายส่งคนจีนที่ทำผิดในฮ่องกงไปให้จีน รัฐบาลก็ยกเลิกกฎหมายนั้นไปแล้วและประกาศว่าจะไม่นำเข้าสู่สภาอีก  แล้วทำไมคนฮ่องกงจึงไม่เลิกชุมนุม แต่กลับเปลี่ยนประเด็นไปเป็นเรื่องอื่นแทน การชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงเริ่มทำให้คนที่มาร่วมหายไปมาก อีกทั้งเริ่มสงสัยว่า แกนนำในการชุมนุมทำเพื่อประโยชน์ของใครกันแน่

ในการชุมนุมทั่วโลก ผู้ชุมนุมมักจะใช้ธงชาติมาใช้โบกประกอบการชุมนุมเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้ชุมนุม ฮ่องกงก็มีธงของตนเอง แต่คนหนุ่มสาวชาวฮ่องกงกลับนำธงชาติอเมริกันและอังกฤษผืนใหญ่มาโบกสะบัดไปมาในการชุมนุม และนำธงชาติจีนมาเผา ทั้งที่ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีน ถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากในสายตาของคนทั่วโลก ทำให้คนสงสัยว่า จริงๆ แล้วคนหนุ่มสาวฮ่องกงเหล่านี้เป็นตัวแทนของสหรัฐและอังกฤษที่อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้หรือเปล่า

เวลานี้ คนทั่วโลกที่เคยเอาใจช่วยกำลังถามถึง “ความชอบธรรม” ของผู้ชุมนุมในฮ่องกงเพราะตอบคำถามไม่ได้ว่า ทำไมใช้ความรุนแรงในการชุมนุมทั้งที่เริ่มต้นอย่างสันติซึ่งทำให้คนฮ่องกงมาร่วมด้วยเป็นแสนเป็นล้านคน ทำไมไม่เลิกชุมนุมเมื่อประเด็นเรียกร้องหลักที่ให้รัฐบาลฮ่องกงยกเลิกร่างกฎหมายส่งคนจีนทำผิดในฮ่องกงไปให้ทางการจีน รัฐบาลฮ่องกงก็ยกเลิกแล้วแกนนำผู้ชุมนุมเป็นหุ่นที่สหรัฐและอังกฤษจับเชิดหรือเปล่า ในเมื่อสหรัฐและอังกฤษได้แสดงออกอย่างเปิดเผยว่าสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมจริง การชุมนุมยืดเยื้อทำให้เศรษฐกิจ การเงิน การท่องเที่ยว ฯลฯ ของฮ่องกงดิ่งลง และคนฮ่องกงนั่นเองที่เป็นคนรับเคราะห์จากผลที่เกิดขึ้น คนต่างชาติที่เคยเห็นอกเห็นใจผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงเริ่มตั้งคำถามหลายประการ

แกนนำคนหนุ่มสาวรู้ดีว่า การชุมนุมอย่างสันติดึงคนมาร่วมได้เป็นล้านคนก็จริง แต่การอยู่ไปนานๆ โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนก็เริ่มเบื่อและเริ่มถอยห่าง ดังนั้น แกนนำจึงต้องหาวิธีการอื่นเพิ่มเติมเพื่อดึงคนให้อยู่ โดยคิดว่า การยั่วยุเจ้าหน้าที่ให้ใช้ความรุนแรงจะดึงคนให้อยู่ได้ แต่ตำรวจฮ่องกงได้ใช้วิธีการปราบม็อบตามวิธีการที่กฎหมายที่กำหนด กลายเป็นว่า นักศึกษาใช้ความรุนแรงแทนโดยทำร้ายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย คนฮ่องกงส่วนหนึ่งก็เริ่มถอยออกมา เพราะตระหนักแล้วว่า นอกจากล้มรัฐบาลฮ่องกงไม่ได้แล้ว ยังทำให้เศรษฐกิจการเงินการท่องเที่ยวของฮ่องกงทรุดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อนักธุรกิจ เศรษฐีฮ่องกงเท่านั้น แต่คนทำมาหากินระดับชาวบ้านได้รับผลกระทบมากกว่า ทำมาหากินไม่ได้ ขายของไม่ได้ เงินหายไปหมด อเมริกาและอังกฤษก็ช่วยอะไรไม่ได้

เป็นที่ทราบกันดีว่า เป้าหมายของสหรัฐคือการก่อกวนจีน โดยการใช้นักศึกษาและคนหนุ่มสาวฮ่องกงเป็นเครื่องมือ ดังนั้น สหรัฐจะอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ ทำอย่างไรจะรักษาการชุมนุมนี้ให้คงอยู่ตลอดไปตราบนานเท่านาน เมื่อเปิดหน้าหนุนนักศึกษาและคนหนุ่มสาวฮ่องกงให้ลุกขึ้นมาก่อความวุ่นวายในฮ่องกงให้อยู่ต่อไป สภาสหรัฐก็ช่วยออกกฎหมายมาช่วยกดดันอีกด้านหนึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น การที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พบกับโจชัวหว่อง ในการสัมมนาที่จัดขึ้นในฮ่องกง คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะฉะนั้น ไทยก็ต้องระวังไว้ว่าสหรัฐจะให้นักการเมืองไทยทำอะไรในเมืองไทย เพราะไทยใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป ในเมื่อใช้นักการเมืองแก่ๆ มาแล้วไม่ได้ ทำไมไม่ลองใช้นักการเมืองรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังไฟแรงดูบ้าง อีกทั้งนักการเมืองเหล่านี้ก็ต้องการการสนับสนุนจากสหรัฐและยุโรปในการเดินงานการเมืองในไทยเช่นกัน อย่างไรก็ดี การชุมนุมใหญ่ในฮ่องกงซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะเป็นแรงกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวในไทยกลุ่มหนึ่งคึกคัก แต่เวลานี้ อาจทำให้ม็อบไม่อยากมาลงถนนแบบฮ่องกงอีกแล้ว การลงถนนในฮ่องกงระยะแรกทำให้นักการเมืองไทยบางคนหวังลึกๆ ว่า อาจเกิดขึ้นบนถนนในเมืองไทยบ้าง แต่เวลานี้ ม็อบในฮ่องกงกลับทำให้หนุ่มสาวไทยที่คิดจะลงถนนต้องคิดหลายครั้ง การสร้างแฟลชม็อบด้วยสื่อโซเชียล เพื่อดึงคนหนุ่มสาวจำนวนมากลงถนนแบบฮ่องกงโดยไม่ต้องมีผู้นำเหมือนสมัยก่อน มีคนเคยลองมาแล้วหลายครั้งใน กทม. แต่ไม่สำเร็จ หากคนไทยรู้ว่าจะตกเป็นเหยื่อของสหรัฐและนักการเมืองไทย คนไทยเล่นคีย์บอร์ดอยู่กับบ้านดีกว่า

ส่วนผู้นำจีนไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะฮ่องกงที่วุ่นวาย เศรษฐกิจการเงินฮ่องกงที่ทรุดลงกลับไปเสริมเศรษฐกิจของเสิ่นเจิ้นที่เติ้งเสี่ยวผิงได้ตั้งขึ้นมาเพื่อแข่งกับฮ่องกงเมื่อหลายสิบปีมาแล้วให้แข็งยิ่งขึ้นต่อไป เสิ่นเจิ้นอาจขึ้นมาแซงฮ่องกงก็ได้ จีนไม่ตกหลุมพรางที่สหรัฐยั่วยุให้ใช้กำลังเข้าจัดการกับม็อบในฮ่องกง แต่ม็อบกลับใช้ความรุนแรงแทน สหรัฐที่สนับสนุนม็อบฮ่องกงถึงกับไปไม่เป็น

โลกเวลานี้ไม่ได้ต่อสู้กันด้วยอาวุธ แต่ต่อสู้กันด้วย “สงครามเงา) ฮ่องกงเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มหาอำนาจใช้เป็นเวทีในสงครามเงาดังกล่าว