posttoday

ม็อบฮ่องกงกับบทเรียนการชุมนุมของไทย

29 สิงหาคม 2562

ภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์

โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์

************************************

ในช่วงเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา คนไทยได้รับรู้ข่าวสารความวุ่นวายในฮ่องกงค่อนข้างดีจากสื่อต่างๆ เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยเดินทางไปเที่ยวฮ่องกง หรือผ่านสนามบินที่ฮ่องกงเพื่อไปยังประเทศอื่น  รวมทั้งญาติพี่น้องที่ทำงานในฮ่องกงส่งข่าวมาบอก สื่อมวลชนทุกแขนงรายงานความวุ่นวายในฮ่องกงทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์ ที่แกนนำการเคลื่อนไหวได้นัดชุมนุมกันมีจำนวนเป็นแสนๆ คน มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือด หลายคนตั้งคำถามว่า “ฮ่องกงมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และจะจบลงอย่างไร?”

โพลล์ฮ่องกงเปิดเผยว่า คนที่มาชุมนุมพบว่ากว่าร้อยละ 60 เป็นคนอายุ 29 ปีลงมา ซึ่งถือว่าเป็นวัยหนุ่มสาวที่มีพลังกายและใจโดยเริ่มตั้งแต่การใช้ร่มเป็นสัญลักษณ์จนบางคนเรียกว่าเป็นการ “ปฏิวัติร่ม” ระยะหลัง กลุ่มผู้ชุมนุมนอกจากใช้ร่มแล้วยังนัดกันใส่เสื้อสีดำเป็นสัญลักษณ์ด้วย ใครใส่เสื้อสีดำถือว่าเป็นพวกเดียวกัน เราอาจเรียกว่า การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเป็นฝีมือของนักศึกษาและคนหนุ่มสาวฮ่องกงก็ได้

เราศึกษาการชุมนุมที่ฮ่องกงจากห้องข่าวต่างๆ เพื่อเป็นบทเรียนกลับมายังเมืองไทยว่า

*สิ่งเหล่านี้มีโอกาสจะเกิดขึ้นในไทยหรือไม่อย่างไร คนไทยจะเลียนแบบการชุมนุมในฮ่องกงหรือไม่ โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่ต้องการจะล้มรัฐบาลตลอดเวลา

*เมื่อต้นตอของปัญหาที่ถูกหยิบยกมาครั้งแรก คือ ร่าง พ.ร.บ. ส่งผู้ร้ายข้ามแดนตกไปแล้ว ทำไมแกนนำชุมนุมจึงไม่ยุติ กลับขยายผลเป็นเรื่องความต้องการให้ผู้นำฝ่ายบริหารฮ่องกงออกจากตำแหน่งโดยอ้างว่าเป็นตัวแทนของจีน

*สิ่งที่เกิดขึ้นก่อให้สร้างความขัดแย้งระหว่างวัยหนุ่มสาวกับคนสูงวัยฮ่องกงจริงไหม จะทำให้ความขัดแย้งและความเห็นต่างทางการเมืองระหว่างคนหนุ่มสาวและผู้สูงวัยในไทยขยายตัวหรือไม

*มีการวิเคราะห์ว่า แรงผลักดันความเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวฮ่องกงเกิดจากความไม่มั่นใจในอนาคตของตนเอง ชีวิตความเป็นอยู่โดยเฉพาะค่าเช่าที่พักอาศัยสูงลิบ ส่วนหนึ่งเพราะฮ่องกงเป็นเกาะ มีที่ดินน้อย แต่อสังหาริมทรัพย์ก็ถูกนายทุนครอบครองทั้งหมด จึงออกมาต่อสู้เพื่ออนาคตของตนเอง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในไทยหรือไม่อย่างไร

*สิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่าง “ความชังรัฐบาลจีน vs ความภูมิใจในความเป็นฮ่องกงที่เป็นผลผลิตของอังกฤษ” จริงหรือไม่ ส่วนในไทยคนหนุ่มสาวบางคนที่เกิดการชังระบบ การชังทหาร และต้องการมีส่วนร่วมเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้นตามคำชักชวนของบางพรรค จะเกิดขึ้นแบบฮ่องกงหรือไม่

*ความเคลื่อนไหวของกลุ่มหนุ่มสาวในฮ่องกงมีต่างชาติโดยเฉพาะอเมริกัน อังกฤษ ไต้หวัน หนุนอยู่เพื่อยั่วยุให้จีนใช้ความรุนแรงกับคนหนุ่มสาวฮ่องกงแบบกรณีเทียนอันเหมิน เพื่อให้โลกประฌามปักกิ่ง นักเคลื่อนไหวหนุ่มสาวในไทยได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศหรือไม่ อย่างไร

เป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ชุมนุมในฮ่องกงนั้นไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่ร่างกฎหมายซึ่งรัฐบาลฮ่องกงได้ยุติไปแล้ว แต่กลายเป็นการต่อต้านอิทธิพลของรัฐบาลปักกิ่งแทนเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นอิสระในการปกครองตนเอง โดยไม่ได้คำนึงความเสียหายอย่างมากมายทางเศรษฐกิจที่ฮ่องกงได้รับจากการชุมนุมยืดเยื้อหลายเดือน หากไม่มีคนหนุน คนหนุ่มสาวฮ่องกงเหล่านี้จะชุมนุมเดินขบวนได้ต่อเนื่องยาวนานเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นที่ชัดเจนอีกเช่นกันว่า การชุมนุมครั้งนี้มีสหรัฐและอังกฤษหนุนหลัง โดยเฉพาะสหรัฐ มีการเปิดเผยภาพการพบปะทางลับระหว่างตัวแทนอเมริกันกับแกนนำการชุมนุมในหลายโอกาส สื่ออเมริกันเปิดเผยว่า สหรัฐยอมรับว่าได้ให้การสนับสนุนเงินทุนในการชุมนุมนี้จริงผ่านทาง “กองทุนพัฒนาประชาธิปไตย” หรือ เอ็น.อี.ดี. ซึ่งอนุมัติโดยรัฐสภาอเมริกันและ “กองทุนสังคมเปิด” ของจอร์จ โซรอส องค์กรทั้งสองนี้ได้ให้การสนับสนุนองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ เอ็น.จี.โอ. ในประเทศต่างๆ ที่เขาใช้ในการก่อกวนรัฐบาลที่ไม่ตอบสนองผลประโยชน์ของอเมริกัน

สื่อจีนได้เปิดโปงการแทรกแซงกิจการภายในจีนและฮ่องกงโดยอเมริกันผ่าน “กองทุนพัฒนาประชาธิปไตย” ซึ่งให้การสนับสนุนกลุ่มนักศึกษาและฝ่ายค้านฮ่องกงซึ่งสหรัฐทำมานานแล้ว มีภาพนิ่งและภาพวิดีโอที่แกนนำการชุมนุมพบปะทางลับกับตัวแทนรัฐบาลอเมริกันในฮ่องกงและเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่อเมริกันในสหรัฐ ทางการสหรัฐก็ยอมรับผ่านสื่ออเมริกันว่าได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่องค์กรนักศึกษาและองค์กรสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงจริง ฮ่องกงเป็นแหล่งชุมนุมของจารชนจากชาติต่างๆ ทั้งอังกฤษ อเมริกัน ไต้หวัน จีน ฯลฯ ที่เดินขวักไขว่จนไหล่แทบจะชนกันโดยเฉพาะ ซี.ไอ.เอ. ได้ส่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาประจำที่ฮ่องกง

สื่อจีนได้เปิดเผยด้วยว่า การชุมนุมของคนหนุ่มสาวในฮ่องกงมี “แก๊งออฟโฟร์” หรือผู้มีบารมี 4 คน ซึ่งมีทางการเปิดเผยชื่อและภาพอย่างชัดเจนเป็นผู้มีส่วนหนุนหลังการชุมนุมครั้งนี้ คนกลุ่มนี้นัดพบปะหารือกันที่ภัตตาคารใหญ่ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อวางแผนว่า จะให้คนหนุ่มสาวที่เป็นลูกน้องของตนทำอย่างไรเป็นขั้นตอน นอกจากนั้น ยังมีคลิปเปิดเผยด้วยว่าคนทั้งสี่เดินทางมาพบกับหัวหน้าฝ่ายการเมืองของสถานกงสุลอเมริกันในฮ่องกง เพื่อวางแผนการประท้วงในขั้นต่อไป และเรียกร้อนให้อเมริกันแทรกแซง รวมทั้งการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อพบปะกับตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า การชุมนุมระยะหลัง ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลมีการใช้ธงชาติอเมริกันและอังกฤษผืนใหญ่โบกนำในการเคลื่อนไหวด้วย คงเพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ชุมนุมว่าไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่มีอเมริกันและอังกฤษหนุนหลังอยู่ แต่คนภายนอกอาจมองไปอีกมุมหนึ่งว่า แท้จริงแล้ว ผู้ชุมนุมตกเป็นเหยื่อหรือเป็นเครื่องมือของฝรั่งสองชาตินี้ในการก่อกวนจีน เมื่อเปรียบเทียบกับการที่กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลใช้ธงชาติจีนมาโบกสู้ คนกลุ่มหลังยังมีเหตุผลและความชอบธรรมมากกว่า และรับได้เพราะฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีน สุดท้าย ความวุ่นวายในฮ่องกงก็เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝรั่งอเมริกันและอังกฤษที่ต้องการก่อกวนจีนในทุกรูปแบบ กับปักกิ่งที่ปกป้องอธิปไตยของตน ใครจะมี “ความชอบธรรม” กว่ากันในสายตาของโลก

จึงคงไม่ยอมให้สถานการณ์ในฮ่องกงดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ เพราะจีนยังมีปัญหาไต้หวัน ชินเจียง ธิเบต ที่ใหญ่กว่านี้ หากจีนบริหารจัดการความวุ่นวายในฮ่องกงไม่ได้ อาจเป็นแบบอย่างให้คนอื่นทำต่อ ถ้าฟังแถลงการณ์ของเอกอัครราชทูตจีนในลอนดอนต่อสื่อมวลชนโดยตั้งคำถามต่อผู้สื่อข่าวว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ในอังกฤษหรือประเทศอื่น บ้านเมืองเกิดความไม่สงบเรียบร้อยและควบคุมกันไม่ได้ มีการกระทำในลักษณะเข้าข่ายการก่อการร้าย รัฐบาลนั้นๆ จะปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้หรือ จีนก็เช่นกัน จีนมีแผนการไว้แล้วซึ่งเป็นไปตาม “กฎหมายพื้นฐาน” อันเป็นสากล ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นท่านทูตไม่ได้บอกรายละเอียด ซึ่งโลกคงต้องตามดูกันต่อไป

ถามว่า ในไทย มีพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองอยากให้เกิดการชุมนุมแบบฮ่องกงบ้างหรือไม่ คำตอบคือ เชื่อว่ามี เพราะเคยมีบางคนโพสต์ทางสื่อออนไลน์หวังจะเห็นคนที่ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ออกมาชุมนุมใหญ่แบบฮ่องกงบ้าง บางคนโพสต์ว่า วันหนึ่งคงได้เห็นการชุมนุมแบบฮ่องกงในไทย หากจำกันได้ หลังการเลือกตั้งทั่วไป มีกลุ่มสูญเสียอำนาจพยายามยุยง ปล่อยข่าวลือว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สกปรกแบบปี 2501 ที่คนออกมาชุมนุมเดินขบวนเต็มถนนราชดำเนินแบบมืดฟ้ามัวดิน พร้อมกับตัดภาพจากหนังสือพิมพ์ช่วงนั้นมาบิดเบือนด้วย แต่ก็ปลุกไม่ขึ้น คาดว่าเวลานี้ บางคนในบางพรรคฝ่ายค้านอาจอยากเห็นคนไทยชุมนุมแบบฮ่องกงบ้างก็ได้ แต่ยังไม่มีเงื่อนไขที่จะทำเช่นนั้น จะอ้างว่ารัฐบาลปัจจุบันเป็นเผด็จการทหารก็ไม่ได้ เพราะมาจากการเลือกตั้งและจากที่ประชุมของสภา

ถามต่อไปว่า บางกลุ่มการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนรัฐบาลและกองทุนเอกชนของอเมริกันหรือไม่ คำตอบคือมีและมีมานานแล้วและจะมีต่อไป ทั้งนี้จากการเปิดเผยขององค์กรอเมริกันโดยตรง ฝรั่งพวกนี้คอยจังหวะอยู่ หากมองว่ารัฐบาลประยุทธ์ไม่เอื้อประโยชน์ให้อเมริกัน เขาก็คงหาทางป่วนต่อไป

ในไทยเวลานี้ก็มีความขัดแย้งทางความคิดระหว่างวัย ที่บางพรรคการเมืองประกาศตนเป็นตัวแทนของคนหนุ่มสาว และได้รับคะแนนเสียงจากคนหนุ่มสาวเป็นสำคัญ มีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภา คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ถูกใส่ข้อมูลหรือฝังชิปให้ปฏิเสธสถาบันกษัตริย์ ทหาร ประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม ฯลฯ ว่าเป็นสิ่งที่ล้าหลัง ขัดขวางการพัฒนา พวกเขามองว่าต้องทุบทิ้งและวางรากฐานใหม่ เพราะถ้ามัวแต่ปฏิรูปก็ใช้เวลานาน ดังนั้น จึงต้องปฏิวัติสังคม ออกไปปลุกระดมในที่ต่างๆ นอกจากเพื่อการหาเสียงแล้ว ยังใส่ความคิดให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

เวลานี้การใช้การชุมนุมที่ฮ่องกงโดยคนหนุ่มสาวมาเป็นต้นแบบทำได้ยาก เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การชุมนุมที่ฮ่องกงเป็นความวุ่นวายทางการเมืองที่คนไทยเข็ดแล้วกับความรุนแรง การชุมนุมที่ฮ่องกงมีต่างชาติสนับสนุนอย่างชัดเจน ในขณะที่คนไทยกำลังตื่นตัวและต่อต้านนักการเมืองที่ “ชังเจ้า” และ “ชังชาติ” พรรคไหนชังเจ้าและชังชาติก็ไม่มีพรรคอื่นเอาด้วย แม้แต่พรรคฝ่ายค้านด้วยกันยังไม่กล้า นี่เป็นจุดอ่อนของนักการเมืองพวกนี้ที่ยังแก้ตัวไม่หลุด และเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างวัย นี่คือคำตอบที่ว่า การชุมนุมในฮ่องกงจะไม่เกิดขึ้นในไทยในอนาคตที่พอมองเห็นแม้มีบางพวกอยากให้เกิดก็ตาม เพราะคนไทยเอือมระอากับความวุ่นวายทางการเมืองมากพอแล้ว คนไทยอยากเห็นบ้านเมืองที่มีความสงบเรียบร้อยเพื่อให้โอกาสรัฐบาลจากการเลือกตั้งพัฒนาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง

คนหนุ่มสาวไทยไม่ได้เดือดร้อนแบบคนฮ่องกงที่อยู่เกาะซึ่งมีที่ดินเพียงนิดเดียว ต้องเช่าห้องอยู่แบบรังหนูพอซุกหัวนอน ได้เงินเดือนสูงเท่าไรก็ต้องใช้ในการกิน การอยู่อาศัย คนฮ่องกงต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง แต่คนหนุ่มสาวบ้านเรามีความเป็นอยู่ที่ดีกว่า มีห้องเช่าที่ไม่แพง มีอาการการกินราคาไม่แพงเกินไป มีรายได้ขั้นต่ำที่อยู่ได้ หากไม่มีกินก็เข้าวัดขอข้าวพระกินได้ เมืองไทยไม่เคยมีคนอดตาย คนเมืองหลวงมีขนส่งมวลชนที่สะดวก คุณภาพชีวิตของหนุ่มสาวไทยดีกว่าคนฮ่องกงมาก นักการเมืองหนุ่มสาวของไทยสามารถที่กินไวน์ขวดละหลายหมื่นบาทได้ ไทยก็มีแก๊งค์ออฟโฟร์เช่นกัน แต่ปลุกไม่ขึ้นเพราะขาดท่อน้ำเลี้ยง อีกทั้งคนไทย “รู้ทัน” เสียแล้ว การที่จะปลุกระดมให้เกิดปฏิวัติร่มหรือปฏิวัติเสื้อสีดำยากที่จะเกิดขึ้นในไทยในอนาคตที่พอมองเห็น ถ้ารัฐบาลประยุทธ์บริหารประเทศเป็นที่พอใจของประชาชนส่วนใหญ่ และปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นอย่างจริงจัง และรัฐบาลต้องไม่มีข่าวเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น

คนไทยคนไหนไม่พอใจสภาพแวดล้อมทางการเมืองในเมืองไทย ก็ส่งไปอยู่ฮ่องกงสักปีสองปี แล้วจะรักเมืองไทยมากขึ้น