รัฐบาลชุดใหม่กับอนาคตของบ้านเมือง
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองตรงกันว่า “ เสถียรภาพทางการเมือง “ ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่จะเผชิญปัญหาหลายประการ บางพรรคอาจก่อกวนทั้งในและนอกสภาเพื่อจะแก้ตัวในการเลือกตั้งใหม่
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองตรงกันว่า “ เสถียรภาพทางการเมือง “ ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่จะเผชิญปัญหาหลายประการ บางพรรคอาจก่อกวนทั้งในและนอกสภาเพื่อจะแก้ตัวในการเลือกตั้งใหม่
*************
โดย....ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ในช่วงเวลานี้ เมื่อเราเสพสื่อใดก็มีแต่เรื่องวิเคราะห์การจัดตั้งรัฐบาลจากบรรดานักวิเคราะห์ข่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของสำนักข่าวต่าง ๆ จนประชาชนสับสนไปหมด ซ้ำยังเจอการปล่อยข่าวเท็จออกมาเป็นระยะ หากไม่ตั้งสติให้ดี ๆ ก็จะทำให้ประชาชนสับสนมากขึ้น
ถ้าเราจะใช้หลักอริยสัจ 4 มาแก้ปัญหาของชาติและประชาชนก็ย่อมทำได้ ก่อนอื่นต้องรู้ว่า อะไรคือ “ทุกข์ของประชาชน หรือ ทุกข์ของบ้านเมือง” แต่ละพรรคเสนอก็คือ “วิธีการแก้ทุกข์ของประชาชน” หรือ วิธีแก้ทุกข์ของบ้านเมืองอย่างไร เพราะฉะนั้น ใครที่เตรียมตัวจะเป๋นรัฐบาลต้องรู้แล้วว่า ประเทศชาติและประชาชนมี “ทุกข์” อะไรบ้าง และ”ความสุข” ที่ประชาชนคาดหวังจากพรรคการเมืองทีเสนอตัวมาคืออะไร
เคยเขียนมาแล้วแต่ขอย้ำอีกครั้งว่า โดยพื้นฐาน ประชาชนต้องการมีชีวิตอยู่โดย (1) ปราศจากความหวาดกลัว และ (2) ปราศจากความหิวโหย สองอย่างเท่านั้นจริง ๆ แต่สองอย่างนี้แยกย่อยออกไปได้อีกมากมาย ประชาชนต้องการบ้านเมืองที่สงบเรียบร้อย ไม่มีการจลาจลวุ่นวาย ไม่มีศึกสงครามจากภายนอกและภายใน ไม่มีการสู้รบชายแดน ไมมีโจรผู้ร้าย อาชญากรรมมีน้อย ประชาชนไปไหนมาไหนได้โดยไม่ถูกจี้ปล้น ข่มขืน ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ไม่มีการก่อการร้ายทั้งจากภายในประเทศและจากนอกประเทศ ไม่มีการใช้ความรุนแรงทางการเมืองหรือเผาบ้านเผาเมืองอีก
สิ่งที่บ้านเมืองต้องการอันดับแรกก็คือ บ้านเมืองต้องมีความสงบสุข มั่นคง ก่อน แล้วจึงพัฒนาประเทศได้ ถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย ก็พัฒนาไม่ได้ นักลงทุนหนีไปลงทุนประเทศอื่นหมด หากบ้านเมืองสงบเรียบร้อย รัฐบาลก็มีเวลาและใช้เงินที่มีอยู่ในการช่วยเหลือประชาชนให้มีชีวิตอย่างน้อยก็พอมีพอกิน ทำมาค้าขายคล่องเป็นพื้นฐาน หากใครจะมีชีวิตสะดวกสบายหรือร่ำรวยกว่านั้นก็เป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ปลูกพืชผักขายได้กำไรพอควร พ่อค้าแม่ค้าชายของพอได้ ถ้าทำมาหากินไม่คล่อง ค้าขายไม่ดี รัฐบาลก็ลงมาช่วยเหลือทันเวลา
รัฐบาลต้องดูแลทั้งประชาชนกลุ่มรายได้น้อย ปานกลาง และรวย คนจนซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสทางสังคมมากที่สุดต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษและก่อนกลุ่มอื่น เพื่อเพิ่มจำนวนคนไทยให้พ้นจากความยากจน ห้าปีที่ผ่านมา คนพ้นจากเส้นความยากจนมีมากขึ้น คนที่มีรายได้ปานกลางรัฐบาลก็ต้องดูแลเขา โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่เริ่มตั้งตัว กลุ่มธุรกิจขนาดย่อมและขนาดกลาง แม้แต่คนชั้นบนที่ทำธุรกิจด้านการผลิต การส่งออก ฯลฯ ที่จะต้องแข่งขันกับต่างประเทศ รัฐบาลก็ต้องดูแลด้วย โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนให้ดี
สิ่งที่ประชาชนไม่ต้องการให้รัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคใดกระทำ คือ “การทุจริตคอรัปชั่นหรือการรับสินบน” โดยคิดเปอร์เซ็นต์จากผู้ลงทุนจากโครงการขนาดใหญ่โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการสะสมทุนเพื่อการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่ถูกข้อหาทุจริตคอรัปชั่นต้องไม่ได้รับโอกาสมาบริหารประเทศอีก ไม่ว่าจะบริหารระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นก็ตาม เมืองไทยควรก้าวหน้าพัฒนาไปกว่านี้อีกมากหากเงินภาษีของประชาชนไม่ถูกเบียดบังไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มและส่วนตัว
เวลานี้มีนักการเมืองหลายคนที่เคยมีประวัติและถูกตราหน้าว่าโกงกินที่สุดแต่รอดคดีทางกฎหมายไปได้ เข้าแถวรอจะมาร่วมรัฐบาล ซึ่งประชาชนรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นใคร นายกรัฐมนตรีจะต้องไม่เอามาร่วมรัฐบาล หากจำเป็นทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นายกรัฐมนตรีต้องคุมให้ได้ไม่ให้คนเหล่านี้เข้ามาโกงกิน โดยที่สื่อและประชาชนจะคอยจับตาดูนักการเมืองที่มีประวัติโกงกินเหล่านี้อย่างใกล้ชิด การตรวจสอบจากภาคประชาชนจะเป็นไปอย่างเข้มข้นมากกว่าทุกยุคทุกสมัย
หาก “หัวไม่ส่าย หางจะหาโอกาสกระดิกก็ยาก “ หากมีรัฐมนตรีจากพรรคไหนทุจริตคอรัปชั่น ก็ต้องตัดนิ้วร้ายเสียก่อนดังที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยทำโดยขอให้รัฐมนตรีจากพรรคหนึ่งที่มีข่าวพัวพันกับการทุจริตคอรัปชั่นลาออกจากตำแหน่งโดยหัวหน้าพรรคนั้นไม่อาจปฏิเสธได้
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองตรงกันว่า “ เสถียรภาพทางการเมือง “ ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่จะเผชิญปัญหาหลายประการ บางพรรคอาจก่อกวนทั้งในและนอกสภาเพื่อจะแก้ตัวในการเลือกตั้งใหม่ ( แม้ว่า ส.ส.ในพรรคไม่อยากเลือกตั้งใหม่ก็ตาม ) ดังนั้น นักการเมืองบางกลุ่มอาจมุ่งสะสมทุนเพื่อเตรียมเลือกตั้งต่อไป นักลงทุนไทยและจากต่างประเทศต้องการ “รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ” เป็นสำคัญ ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่กล้าลงทุน โครงการของประเทศที่วางไว้ก็หยุดชะงัก เศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าสหรัฐกับจีนอยู่แล้ว ก็จะมีปัญหามากขึ้น และส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจระดับชาวบ้าน
เมื่อศึกษาถึง “ความต้องการพื้นฐานของประชาชน” ว่าทุกข์ของประชาชนคืออะไร ความสุขที่ประชาชนต้องการคืออะไร ทีนี้ก็มาพูดถึงว่า “ใครบ้างที่พอจะทำความต้องการของประชาชนให้พอเป็นจริงได้ โดยให้ประเทศเดินหน้าโดยไม่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ “ ในความเป็นจริง ไม่มีพรรคใดที่เป็นรัฐบาลได้พรรคเดียว รัฐบาลต่อไปต้องเป็นรัฐบาลผสม ที่มีเพียงสองขั้วเท่านั้น คือ “ขั้วที่ไม่เอาทักษิณ” กับ “ ขั้วที่เอาทักษิณ” สิ่งที่ประชาชนต้องก้าวข้ามจริง ๆ คือ “สงครามวาทกรรม” เรื่องประชาธิปไตยกับเผด็จการ มากกว่า ประชาชนต้องคิดว่า ใครที่พอจะ “เอาบ้านเมืองอยู่รอด และเดินหน้าไปได้ ” ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จากพรรคพลังประชารัฐร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจฝ่ายหนึ่ง หรือ จะเอาตัวแทนทักษิณจากพรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่อีกฝ่ายหนึ่ง ก็แค่นั้นเอง
และประชาชนได้ตัดสินใจแล้ว