posttoday

“กม.ประชามติ” ซ้ำรอย แก้ รธน.ล่ม แผนปิดประตูตายตั้งสสร.

27 มีนาคม 2564

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

*****************

การยกร่างรธน.ฉบับใหม่ที่จะหวังจะสร้างความปรองดอง คงไม่มีสำเร็จได้แล้วในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์หลังจากรัฐสภาโหวตคว่ำร่างแก้ไขรธน.มาตรา 256 เพื่อตั้ง สสร. เมื่อสัปดาห์ก่อน คล้อยหลังคำวินิจฉัยศาลรธน. ยังต้องพบอุปสรรคอีกหลายด่านหากจะหวังให้มีการจัดทำรธน.ฉบับใหม่สำเร็จ เป็นอันบรรลุเป้าหมายของผู้ร่างรธน.2560 ที่วางค่ายกลไม่ต้องการให้การแก้รธน.สำเร็จง่ายๆ

หลังชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐและ สว. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดธาตุแท้ออกมาระหว่าง ให้สัมภาษณ์ช่วงวันเกิดครบรอบ 67 ปี ว่า “ผมไม่ขัดข้อง ถ้าอยากแก้ รธน.....ถ้ามีการระแวงว่าผมจะสืบทอดอำนาจก็ไปแก้รธน.มา จะเลือกผมหรือไม่เลือกผมก็ไม่ได้ขัดข้อง ไม่เลือกก็ได้ ก็ไปแก้ (รธน.)มา แก้ให้ได้ก็แล้วกัน"

ท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ดีใจที่เห็นการแก้ไขรธน.สะดุดลง จะไปต่อก็ยาก เลยออกมาท้า “แก้ให้ได้แล้วกัน” เพราะมั่นใจ ฝ่ายค้าน และม็อบ 3 นิ้ว ไม่มีทางกดดันให้แก้รธน.ได้แน่

แผนสกัดการแก้ไขรธน. นอกจาก นายกฯ มีเสียง สว.ในมือแล้ว ยังประกอบด้วยแผนการณ์ล้ำลึกของรัฐบาล แม้แต่พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ 2 พรรคที่มีจุดยืนต้องการจัดทำรธน.ใหม่ ที่สุดก็ไม่ได้แข็งขันถึงขั้นจะเอาเป็นเอาตายกับการแก้รธน.

ล่าสุด ร่างพ.ร.บ.ประกอบรธน.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หรือ “กม.ประชามติ”ที่กำลังยกร่างใกล้เสร็จ ซึ่งเป็นเครื่องมือรองรับการทำประชามติแก้รธน. และอยู่ระหว่างการพิจารณาวาระ 2-3 กำลังซ้ำรอย เผชิญชะตากรรมเหมือนการแก้ไขรธน.มาตรา 256 ที่แท้งไป

เดิมหลายฝ่ายมั่นใจว่า การพิจารณาจะราบรื่น และน่าจะผ่านความเห็นชอบวาระ3 จากรัฐสภาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์นี้ วันนี้คงเตรียมนำขี้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้เพื่อเดินหน้าเตรียมทำประชามติว่า ประชาชนจะยอมให้จัดทำรธน.ฉบับใหม่หรือไม่ แต่กลับมาสะดุดจากบรรดาสส. สว.ที่แก้ไขเนื้อหาและอาจเข้าสู่ กับดักที่เปิดช่องส่งศาลรธน. ตีความว่า กม.ประชามติ อาจขัดรธน.หรือไม่

ประเด็นที่ทำให้กม.ประชามติตกอยู่ในความสุ่มเสี่ยง ก็จาก “มาตรา 9” เรื่อง ช่องทางในการทำประชามติ มีการแก้ไขในที่ประชุมรัฐสภา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลลงมติเห็นชอบกับการแก้ไขของ สส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยที่ขอแก้มาตรานี้ โดยขอเพิ่มอำนาจให้ภาคประชาชน และรัฐสภา สามารถเรื่องให้รัฐบาลทำประชามติได้ ซึ่งเงื่อนไขเดิมที่กำหนดไว้ในรธน. คือ ให้เฉพาะครม.เท่านั้นที่จะขอให้มีการออกเสียงประชามติได้

สส.พรรคร่วมรัฐบาล ที่ลงมติพลิกเกมไปหนุนฝ่ายค้านจนทำให้ฝ่ายหลังชนะด้วยคะแนนฉิวเฉียด 273 ต่อ 267 ห่างกันเพียง 6 เสียง ตามรายงานข่าวพบว่า นำโดย พรรคภูมิใจไทยทั้งพรรค พรรคประชาธิปัตย์เกือบครึ่งพรรค ที่น่าแปลก สส.ในซีกพรรคพลังประชารัฐเอง พบว่ามี 34 คนไม่ออกเสียงลงคะแนน เช่นเดียวกับ สว. 77 คนไม่ออกเสียงลงคะแนนเช่นกัน

ถ้าคิดมุมกลับ หาก สว. และ พรรคพลังประชารัฐ หรือ แม้แต่พรรคภูมิใจไทยและพลังประชารัฐ ลงคะแนนหนุนกมธ.เสียงข้างมาก การพิจารณากม.ประชามติ ป่านนี้คงจบวาระ 3 ไปแล้ว นี่นำมาสู่การตั้งคำถามว่า เป็นแผนของรัฐบาล โดยเฉพาะ พรรคพลังประชารัฐ และสว. หรือไม่ที่ตั้งใจจะล้มกระดาน กม.ประชามติ เพื่อตอกฝาโลงสกัดการแก้ไขรธน.อีกชั้น เหมือนที่ สส.พรรคพลังประชารัฐ และ สว. ใช้มุขนี้ล้มการแก้ไขมาตรา 256 ตั้งแต่ยื่นให้ศาลรธน.ตีความ ตามด้วย ลงมติไม่สนับสนุนโหวตวาระ 3 สำเร็จมาแล้ว

แม้พรรคประชาธิปัตย์ จะชี้แจงภายหลัง อ้างเหตุผลที่ขอแก้ไขว่า การให้ประชาชนและรัฐสภามีอำนาจชงเรื่องทำประชามติ เป็นเรื่องดีจะช่วยอุดช่องว่างจากคำวินิจฉัยศาลรธน.เพื่อเดินหน้าช่วยกลไกการทำประชามติเกี่ยวกับรธน.ฉบับใหม่

แต่ในทางปฏิบัติ เมื่อแก้ไขมาตรา 9 ก็ต้องไปแก้กฎหมายประชามติในอีกหลายมาตราเป็นลูกระนาด ซึ่งอาจทำให้การพิจารณาล่าช้า สส.รัฐบาลรู้ทั้งรู้ว่า “สุ่มเสี่ยงขัด รธน.” แล้วยังเดินหน้าแก้อีกทำให้ถูกมองต้องการสร้างเงื่อนปมการพิจารณากฎหมายให้มีปัญหาเพื่อปูทางไปสู่การยื่นศาลรธน. ล่าสุดเข้าทาง สว.ที่ออกมาบอกแล้ว จะมีการยื่นศาลรธน.แน่ และหากศาลธน. วินิจฉัยอีกว่า ขัดรธน. กระบวนการยกร่างกม.ประชามติ ก็อาจกลับมานับหนึ่งเหมือน การแก้รธน.มาตรา 256

หลายคนผิดหวังจุดยืนพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย การลงมติวาระสามมาตรา 256 ภูมิใจไทย แสดงให้เห็นว่า เล่นละครเอาดีใส่ตัว วอล์คเอ้าท์ไม่ลงมติวาระ 3 และไปด่าพลังประชารัฐว่า ไม่จริงใจแก้รธน.

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทำขึงขัง อยากแก้รธน.ใจจะขาด แต่ถูกพวกจับได้ว่า ปล่อยให้ลูกพรรคเสแสร้างกลางสภา ก่อนเจ้าตัวจะชี้แจงว่า พรรคไม่ได้วอล์คเอ้าท์ แต่เป็นการเดินออกตาม สส.ชาดา ไทยเศรษฐ์ พรรคภูมิใจไทย ผู้ที่ออกมาด่าพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยหนู” แก้ต่างว่า สส.ของพรรคไม่สามารถโหวตวาระ 3 ได้ เพราะเป็นการทำผิดคำวินิจฉัยศาลรธน.

พร้อมทั้งยืนยันว่า จากนี้ พรรคจะไม่ผลักดันการแก้รายมาตราแล้ว ส่วนประเด็นที่ไม่เป็นประชาธิปไตยและถูกพูดมากที่สุด คือ การลดอำนาจ สว. ในการเลือกนายกฯ หรือ ที่มา สว. อนุทิน ยืนยันว่าแม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ควรแก้เพราะอยากให้ทุกคนทนอีกนิดใกล้ถึง 5 ปี ที่พวกไดโนเสาร์ จะหมดโอกาสใช้อำนาจเลือกนายกฯ แล้ว

เมื่อถูกถาม ถ้าผลักดันการแก้รธน.ไม่สำเร็จจะถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ “เสี่ยหนู” ว่า การแก้ไขรธน.เป็นเรื่องของสภา การบริหารประเทศเป็นเรื่องสภา ส่วน ประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรคและแกนนำ ชี้แจงว่า จะไม่ถอนตัว เพราะเรายังมีภารกิจที่ต้องทำงานในฐานะรัฐบาลต่อไป

พรรคภูมิไทยเปลือยธาตุแท้ พอๆกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาท้าให้แก้ให้ได้ ความจริง รู้ทั้งรู้ ทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ เป็นส่วนประกอบเครื่องมือสืบทอดอำนาจที่ไปร่วมรัฐบาล ดังนั้นป่วยการที่จะหวังให้แก้ไขรธน.ตามนโยบายที่ตัวเองหาเสียง เพราะวันนี้สองพรรคต่างใช้อำนาจในการเป็นรัฐบาล กระทั่งปรับครม.ล่าสุด ยังแลกตำแหน่งรมช.พาณิชย์ กับรมช.คมนาคม ให้แต่ละพรรคคุมกระทรวงได้อย่างเบ็ดเสร็จ

การแก้ไขรธน. ถ้าไม่เปิดรูระบาย เอาเปรียบแต่ฝ่ายเดียว สกัดกั้นกันเป็นทีมอย่างที่เห็น ในอนาคต ความขัดแย้งจะยิ่งบานปลาย และมีแนวโน้มเกิดความสูญเสียมากขึ้น ไม่ควรคิดว่า มีเสียงข้างมากแล้วทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ สิ่งสำคัญนี่ไม่ใช่เสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นเสียงข้างมากจากกติการธน.ที่ไม่เป็นธรรม วันนี้ควรรีบแก้กติกาของบ้านเมืองให้เกิดความเป็นธรรมอย่างเร่งด่วน ก่อนที่จะสายเกินแก้

**********************