posttoday

ปรับครม.ระวังวิกฤตศรัทธา"รื้อนั่งร้าน- แบ่งเก้าอี้ดนตรี"

20 มิถุนายน 2563

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

*********************

การปรับครม. “ประยุทธ์2/2” คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แน่ว่ากันว่าภายใน 1 เดือนจากนี้ หลังจากสถานการณ์ต่างๆ รุมเร้า กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างหนัก เพราะอยู่มาปีกว่า ผลงานรัฐบาลด้านเศรษฐกิจยังไม่เป็นที่คาดหวัง ประกอบกับ ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐแกนนำรัฐบาลที่มุ้งต่างๆ ที่อกหักจากเก้าอี้รมต. ถือโอกาสกดดันให้รื้อนั่งร้านรัฐมนตรีใหม่ที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่มีอยู่ 4 เก้าอี้

โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค หันหลังให้ลุงกำนัน สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรค โดยพรรควางตัวให้นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำพรรคขึ้นมาเป็น รมว.แรงงาน แทน

ความเคลื่อนไหวใหญ่อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐในเวลานี้จึงเป็นการปะทะกันเองของขุนพลมือขวาและมือซ้ายของ “บิ๊กตู่” ที่ล้วนเป็นกำลังหลักตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช.

กลุ่มสส.ค่าย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี บีบให้กลุ่มสมคิด และ 3 กุมารที่เหลือ “อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์”พ้นตำแหน่งต่างๆ ในพรรค และเก้าอี้รัฐมนตรี โดยผลักดันให้ “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทน อุตตม เสาวนายน รมว.คลัง มือขวาของสมคิด จนเดินเกมรวมตัวกันลาออกจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อบีบให้มีการเลือกตั้งตำแหน่งในพรรคใหม่จนเป็นผลสำเร็จ

ดีลต่างๆ ก็ลงตัวตามใจหมาย ที่สุดพรรคกำหนดให้มีการประชุมใหญ่พรรคเพื่อทำพิธีสถาปนา”บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่คสช. มาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ในวันที่ 27 มิถุนายน ขณะที่เก้าอี้เลขาธิการพรรคคนใหม่จะตกเป็น ”อนุชา นาคาศัย” จากกลุ่มสามมิตร ขณะที่ตำแหน่งใหม่ๆในพรรคตามโผที่ปรากฎมีแนวโน้มว่า อาจไม่มีที่ยืนให้กับกลุ่มของสมคิดที่หอบหิ้วช่วยงาน “บิ๊กตู่” กันมาในช่วงรัฐบาล คสช. ตั้งแต่ปี 2558

พรรคพลังประชารัฐหลังเป็นรัฐบาลมาได้ปีกว่า จึงเข้าสู่โหมดการเมืองของนักเลือกตั้งเต็มตัวที่เต็มไปด้วยการเมืองแบบเดิมๆ การต่อรองผลประโยชน์ เก้าอี้รัฐมนตรี ประธานคณะกรรมาธิการในสภา ให้กับกลุ่มก๊วน

นี่จึงเป็นการพ่ายแพ้ “ยกแรก” ของกลุ่มสมคิดในพรรคพลังประชารัฐ ทำนองเสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพล หลังเป็นกุนซือเศรษฐกิจให้กับบิ๊กตู่ตลอด 5 ปีตั้งแต่รัฐบาลคสช.และสู่ปีแรกของรัฐบาลเลือกตั้ง เพราะกลุ่ม ก๊วน ในพรรคไม่สามารถรอคอยบิ๊กตู่ที่ไม่ตอบสนองเรื่องการปรับครม. ทั้งที่เวลาของรัฐบาลอาจเหลือไม่มากจากสารพัดมรสุมต่างๆ ทั้งปัญหาผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจดและสังคมจากโรคระบาดโควิด สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง จนคาดว่า อาจมีการเลือกตั้งภายใน1-2ปี

งานนี้ต้องวัดใจ “บิ๊กตู่” ที่สุดแล้วจะยอมทิ้งสมคิดขุนพลคู่กายเพราะแรงกดดันมหาศาลจากลูกพรรคหรือไม่ ถ้าไม่ตามใจก็จะถูก สส.ในพรรค เขย่า ก่อกวน ตลอดจนส่งผลต่อภาพพจน์รัฐบาล รวมถึงเก้าอี้ของบิ๊กตู่ สั่นคลอน เหมือนที่เกิดขึ้นช่วงลุกไล่อุตตมพ้นหัวหน้าพรรค

เป้าหมายสำคัญของ “กลุ่มสามมิตร” คือ เก้าอี้ “รมว.พลังงาน” ที่สนธิรัตน์ นั่งอยู่ ช่วงตั้งรัฐบาล สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ขอเป็น แต่นายกฯ ไม่ให้ ไม่เท่านั้น เก้าอี้รมว.พลังงาน ยังเป็นปลายทางของหลายคนในพรรค จนมีข่าวว่า หากเคลียร์กันไม่ได้ นายกฯก็อาจหักกลุ่มสามมิตร ด้วยการตั้ง “คนนอก” มาคุม รมว.พลังงานแทนสนธิรัตน์

นอกจากสนธิรัตน์แล้ว ยังมีข่าวหนาหูว่า “อุตตม” อาจถูกปรับพ้น ครม. ลือว่า “บิ๊กตู่” เล็งคนนอกมาเป็นรมว.คลังคนใหม่ ไม่ว่าการดึงผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเพื่อเรียกความเชื่อมั่น

ชะตากรรมของ “สมคิดและ3 กุมาร” ที่เหลืออยู่ที่ “บิ๊กตู่” เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน การจะครองอำนาจในระยะยาวจึงต้องวางเกมรบให้ชนะใจประชาชนในสนามเลือกตั้ง ซึ่งต้องอาศัยเสียงของ สส. และ นักการเมืองกลุ่มมุ้งต่างๆ ในพรรค

กระนั้น เชื่อว่า “บิ๊กป้อม” จะต้องกดดันให้บิ๊กตู่ปรับ อุตตม พ้นเก้าอี้รมว.คลังแน่ เพราะ “บิ๊กป้อม” เองไม่พอใจที่ อุตตม คิดสู้กับเขา หลัง “บิ๊กป้อม” ได้พูดคุยให้ “อุตตม” ลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ฝ่ายหลังไม่ยอมเพราะเกรงว่า ถ้าหลุดตำแหน่งแล้ว จะเป็นกระดุมเม็ดแรกให้ทั้ง “4 กุมาร” คิดเสียอำนาจทั้งในพรรคและครม. นั่นทำให้ “บิ๊กป้อม” ฉุนขาด

กลุ่มสมคิดถูกไล่บี้ให้พ้นเก้าอี้อย่างหนักทั้ง รมว.พลังงาน และ รมว.คลัง วงในยืนยันว่า ถ้านายกฯ ให้อุตตมหลุดจากครม.ตามแรงบีบเมื่อไร สมคิดก็พร้อมลาออกด้วย

มีข่าวว่า ทางเลือกหนึ่งหากกลุ่มสมคิดโดนปรับและลาออก 4 ตำแหน่งจริง “บิ๊กตู่” อาจไปใช้บริการ “กรณ์ จาติกวณิช” อดีตขุนคลัง และอดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่แยกออกมาตั้งพรรคกล้าโดยดึงมาเป็นรองนายกฯควบรมว.คลัง ดูภาพรวมแก้วิกฤตเศรษฐกิจ แม้แต่บิ๊กในปชป. ก็ให้จับตาดูทางเลือกนี้ให้ดี เพราะที่ผ่านมา กรณ์แสดงความเห็นผ่านโซเชียลเสนอแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นระยะ

กลับมาเป็นว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ “บิ๊กป้อม” เป็นที่แน่ชัดว่า เจ้าตัวจะมานั่งเก้าอี้ตัวนี้ไปจนถึงช่วงเลือกตั้งตามที่ วิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปรัฐบาลออกมายืนยัน เพื่อจัดสรรผลประโยชน์มุ้งต่างๆ ในพรรค ให้ลงตัว จากบทบาทผู้มากบารมี นักประสานสิบทิศทั้งรัฐบาลและดีลได้กับพรรคเพื่อไทย แต่ก็เชื่อว่า กลุ่มผู้สนับสนุนบิ๊กป้อมจะไม่หยุดแค่นั้น เพราะมองว่า พี่ใหญ่คนนี้ควรควบ รมว.มหาดไทย ด้วยเพราะเกี่ยวข้องฐานเสียงท้องถิ่นที่เกื้อหนุนต่อยอดหัวคะแนนของ สส.ในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบัน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังเป็น รมว.มหาดไทย อยู่และเหนียวแน่นมาตั้งแต่ทำคลอดรัฐบาลคสช. ยาวนานกว่า 6 ปี ปัญหาคือ สส.เข้าไม่ถึง บิ๊กป๊อก ทำให้ไม่มีบทบาทสนับสนุน สส.ของพรรค กลายเป็นจุดอ่อนของพรรค ต้องจับตาว่าแผนรุกคืบไปทีละก้าวของกลุ่มบิ๊กป้อมจะสำเร็จแค่ไหน จะทลายความสัมพันธ์ พี่น้อง สามป. “ป้อม –ประยุทธ์-ป๊อก”ได้หรือไม่

กระนั้น ตลอดช่วงที่กลุ่ม “บิ๊กป้อม” เดินเกมยึดพรรค โค่นกลุ่มสมคิด มีกระแสข่าวตลอดว่า บิ๊กตู่ อาจตัดสินใจลงมาควบเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเองเพื่อสยบปัญหาระหว่างกลุ่มสมคิดกับ “บิ๊กป้อม” เพราะทุกคนในพรรคเกรงใจบิ๊กตู่

แต่ด้วยความกลัวว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเป็นตำแหน่งสายล่อฟ้าที่จะถูกฝ่ายตรงข้ามยื่นฟ้องร้องเอาผิด หากใช้อำนาจส่อผิดกฎหมาย ก็เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมือง ทำให้ “บิ๊กตู่”ไม่กล้ามาเป็นเอง แค่ปัจจุบันก็ถูกฝ่ายค้านยี่นศาลรธน.อยู่หลายคดี ล่าสุด ศาลรธน.เพิ่งรับตีความสถานะนายกฯของ “บิ๊กตู่” อาจกระทำการฝ่าฝืนรธน. เข้าข่ายรับเงินหรือประโยชน์ใดๆ จากหน่วยราชการกรณี อยู่บ้านพักทหาร

พรรคพลังประชารัฐอาจเข้มแข็งขึ้นเมื่อได้ “บิ๊กป้อม” มาคุมบังเหียน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพลักษณ์ของพรรคตกต่ำลงโดยเฉพาะคดีอื้อฉาว “ยืมนาฬิกาเพื่อน” ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้จุดอ่อนนี้โจมตีอยู่ และหาก บิ๊กตู่สูญเสีย “4กุมาร” ไป และแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับมุ้งอกหักที่รุมทึ้งในการปรับครม.ครั้งนี้ โดยที่ไม่มีรัฐมนตรีคนนอกที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาทดแทน ก็นับถอยหลังเวลารัฐบาลเป็น “วิกฤตศรัทธา” เร็วขึ้น เพราะเป็นการปรับครม.ที่มุ่งตอบแทนกลุ่มก๊วนการเมือง

**********************