posttoday

ล้างบางจำนำข้าว สะท้านเลือกตั้ง

16 พฤศจิกายน 2561

การเมืองไทยกำลังเดือดได้ที่พอสมควร หลัง ป.ป.ช. เริ่มตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวรอบสองแบบลงลึกมากขึ้น ถึงขั้นที่มีการพยายามตรวจสอบว่า "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การเมืองไทยกำลังเดือดได้ที่พอสมควร ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เริ่มตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวรอบสองแบบลงลึกมากขึ้น ถึงขั้นที่มีการพยายามตรวจสอบว่า "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

ในประเด็นนี้เดิมทีถูกเปิดออกมาโดย "นรวิชญ์ หล้าแหล่ง" ทนายความของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ว่ามีกรรมการ ป.ป.ช. พยายามตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อหาจุดเชื่อมโยงว่าอดีตนายกฯ ทักษิณจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ผ่านบุคคลที่อยู่ระหว่างการรับโทษในคดีดังกล่าว ทั้งๆ ที่อดีตนายกฯ ทักษิณไม่ได้เป็นบุคคลที่มีชื่อในคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐแต่อย่างใด

"ก่อนนี้มีข่าวมาโดยตลอดว่า กรรมการ ป.ป.ช.บางคนได้วิ่งเข้าออกเรือนจำเป็นประจำ และมีจำเลยในคดี จีทูจีหลายรายมีสิทธิพิเศษไม่ต้องอยู่ในเรือนจำ แต่อยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจแทน และได้มีความพยายามนำคดีจีทูจีนี้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นวาระจร เพื่อให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน แต่กรรมการ ป.ป.ช.หลายท่านไม่เอาด้วย" ทนายความของยิ่งลักษณ์ ระบุ

เมื่อถูกเปิดประเด็นออกมาเช่นนี้ ส่งผลให้ ป.ป.ช.ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยได้ ถึงขั้นที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ต้องปฏิเสธเป็นพัลวันว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเป็นหลักเท่านั้น

"ถ้าเกี่ยวข้องกับใคร มีพยานหลักฐานอย่างไร เวลา ป.ป.ช.จะดำเนินการผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องมาเข้ากระบวนการไต่สวน ต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆ แต่ถ้าไม่เกี่ยวข้องจริงกรรมการ ป.ป.ช.คงไม่สั่งไต่สวนเพิ่มเติม" คำยืนยันจากประธาน ป.ป.ช.

การลงแรงของ ป.ป.ช.ในคดีนี้และเวลานี้นับว่ามีนัยทางการเมืองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่ากำลังเข้าสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคในเครือข่ายถือเป็นตัวเต็งที่จะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงอย่าได้แปลกใจว่าทำไมบรรดาคนในพรรคเพื่อไทยถึงออกอาการไม่พอใจกับการทำงานของ ป.ป.ช.

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลอดเวลาที่ ป.ป.ช.ชุดนี้เข้ามารับตำแหน่งในระหว่างที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษพอสมควร โดยเฉพาะความเป็นกลางทางการเมือง

ป.ป.ช.ถูกท้าทายมาตลอดว่าจะเข้ามาตรวจสอบรัฐบาลและ คสช.หรือไม่ ภายหลังเกิดกรณีนาฬิกาหรูที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องยื่นให้กับ ป.ป.ช. ซึ่งเวลาที่ผ่านไปก็เป็นคำตอบในระดับหนึ่งแล้วว่าการพิจารณาคดีมีความล่าช้าพอสมควร เมื่อเทียบกับมาตรฐานของ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบความไม่โปร่งใสของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ขณะเดียวกัน การทำงานของ ป.ป.ช.ในกรณีของการตรวจสอบโครงการระบายแบบจีทูจีรอบสอง  มีข้อสังเกตบางประการที่น่าสนใจ

กล่าวคือ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อครั้ง ป.ป.ช.ในอดีตได้นำเอาคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดียึดทรัพย์ทักษิณ จะเป็นไปในลักษณะที่พบว่าในคำพิพากษานั้นได้ระบุถึงความไม่โปร่งใสในกรณีที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน ซึ่งในคำพิพากษาระบุถึงความไม่ชอบมาพากลของการแปลงภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม รวมไปถึงการปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

ทันทีที่มีคำพิพากษาดังกล่าว ออกมา ป.ป.ช.เร่งดำเนินการจนสามารถนำทั้งสองคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาฯ  ได้ในเวลาต่อมา แต่สำหรับกรณีของโครงการรับจำนำข้าวทั้งในรายของ ยิ่งลักษณ์ และบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ไม่ได้ปรากฏ ร่องรอยที่จะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม ไว้ชัดเจนมากนัก

ดังนั้น การที่ ป.ป.ช.พยายามใช้กระบวนการพยานบุคคลเพื่อเข้ามาต่อจิ๊กซอว์นั้น ด้านหนึ่งอาจเป็นเรื่องที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ดำเนินการได้ แต่เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ต้องตอบคำถามสังคมหนักพอสมควรเช่นกัน เพราะแนวทางการตรวจสอบโครงการระบายข้าวรอบสองของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมาอยู่ บนฐานของการเอาผิดเจ้าหน้าที่และภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นหลัก

อย่างไรก็ดี ในทางการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่าการขยับตัวของ ป.ป.ช.ในประเด็นนี้ ทำให้พรรคเพื่อไทยและเครือข่ายต้องส่งสายตามายัง ป.ป.ช.ไม่น้อย

อย่างที่ทราบกันดีว่าพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายอาศัยความนิยมของฐานเสียงตัวเองที่มีต่ออดีตนายกฯ ทักษิณในการขับเคลื่อนและหาเสียงเลือกตั้งเป็นหลัก ทำให้นโยบายที่กำลังจะส่งออกไปจะมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ ของรัฐบาลในอดีตระดับหนึ่ง

หาก ป.ป.ช.ลงดาบเชือดคดีจำนำข้าวรอบสองในระหว่างการเลือกตั้ง  ถึงจะไม่มีผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทยในแง่ของการนำไปสู่การยุบพรรคก็จริง แต่ในทางการเมืองแล้ว พรรคเพื่อไทยคงเจอกับมรสุมและถูกรุมกินโต๊ะไม่น้อย อันจะมีผลให้การไปถึงเส้นชัย เกิดสะดุดลงได้

นับจากนี้เส้นทางในสนามเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยและเครือข่าย คงไม่ง่ายอย่างที่ปรากฏออกมาให้เห็นในโพลของพรรคอีกต่อไป