posttoday

โผทหารไม่พลิก "บิ๊กตู่" เตรียมลุยสนามการเมือง

05 กันยายน 2561

ความเข้มแข็ง​ของกองทัพเป็นสิ่งจำเป็นในการประคับประคองการก้าวสู่สนามการเมืองของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" 

ความเข้มแข็ง​ของกองทัพเป็นสิ่งจำเป็นในการประคับประคองการก้าวสู่สนามการเมืองของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" 

*****************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร 935 นาย อันจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 เป็นต้นไป นับเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางการเมืองไทยต่อจากนี้เป็นอย่างมาก

ยิ่งหากพิจารณาในรายละเอียดจะเห็นว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปตามโผแบบไม่แตกแถว​ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพภายในกองทัพ แถมยังสอดประสานหลอมรวมไปกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

อันจะส่งผลแปรเปลี่ยนกลายเป็นความได้เปรียบให้กับรัฐบาล คสช. ในวันที่เตรียมจะเดินหน้าก้าวสู่ถนนการเมืองแบบเต็มตัว

เริ่มตั้งแต่ในแง่ของความมั่นคงเพราะเมื่อกองทัพสามารถสลายความขัดแย้งของความเป็นขั้วที่เคยเกิดขึ้นเมื่อในอดีตได้ ก็สามารถสมานรอยร้าวและขจัดคลื่นใต้น้ำ​ไม่ให้กลับมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง​ โดยเฉพาะช่วงเลือกตั้งที่จะเต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงจากปัจจัยรอบด้าน

การจัดวางบุคลากรในกองทัพในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ทั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ขยับขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ขยับขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการทหารบก “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ และ “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ขึ้นมาเป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศ ล้วนแต่ยิ่งทำให้กองทัพยิ่งเข้มแข็ง

โดยเฉพาะกับ บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ ซึ่งได้พิสูจน์ฝีไม้ลายมือจนเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย จนสามารถก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งสำคัญในรอบนี้ และยังถูกมองว่าจะเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลความสงบเรียบร้อยและเชื่อมทุกฝ่ายในสังคมเข้าไว้ด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง คสช. ที่บิ๊กแดง ถือเป็นหนึ่งในกำลังซึ่งได้รับมอบหมายงานสำคัญให้เข้าไปสะสางจัดการเรื่อยมาตั้งแต่งานด้านการจัดระเบียบสังคม จนถึงแก้ปัญหาขายสลากกินแบ่งเกินราคา รวมทั้งฝั่งการเมืองเองก็ยังสามารถพูดคุยกับทางบิ๊กแดงได้ง่ายกว่า บิ๊ก คสช.รายอื่นๆ

ขณะที่ไลน์ 5 เสือกองทัพบก นอกจาก พล.อ.อภิรัชต์ ​จะได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกแล้ว ตำแหน่งอื่นๆ ก็เตรียมวางกำลังและส่งไม้ต่อในระยะยาวเพื่อไม่ให้ทุกอย่างเดินไปอย่างราบรื่นหรือมีอุบัติเหตุต้องสะดุดหยุดชะงัก ทั้งการวางตัว​ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ​ขึ้นมาเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ​พล.ท.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารบก ขึ้นเป็นรองเสนาธิการทหาร

ส่วนระดับกองทัพภาค พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3​ ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพน้อยที่ 4 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ส่วน พล.ท.ธนากร ธรรมวินทร ​ยังดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อ

การวางมือไม้ที่ไว้เนื้อเชื่อใจได้มารับตำแหน่งต่างๆ นั้น จึงถือเป็นเรื่องที่จำเป็นในช่วงที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกทีจำเป็นต้องมีกลไกดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดความวุ่นวายในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจาก คสช.ปลดล็อกการเมืองให้ทุกฝ่ายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

อีกด้านหนึ่งความเป็นเอกภาพของกองทัพนี้เองยังจะเป็นหลักสร้างความมั่นใจให้ได้ระดับหนึ่งว่าในช่วงที่ คสช.ต้องลงจากหลังเสือ ยังมีกลไกที่ช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดปัญหาใดๆ จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือจ้องสร้างสถานการณ์ในอนาคต

ความเข้มแข็ง​ของกองทัพจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะประคับประคองการก้าวสู่สนามการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เตรียมประกาศความชัดเจนทางการเมือง​ในช่วงเดือน ก.ย.นี้