posttoday

‘ทักษิณ’ เคลื่อนแรง ‘เพื่อไทย’ เจอศึกหนัก

26 มิถุนายน 2561

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่งมาตลอดสองทศวรรษ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองคนหนึ่งมาตลอดสองทศวรรษ บารมีที่สร้างตลอดเส้นทางการใช้ชีวิตในสนามการเมือง ต่างทำให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งสืบทอดเจตนารมณ์มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทยสามารถยืนอยู่เหนือทุกพรรคได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ยังไม่เคยแพ้เลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว

จึงไม่แปลกที่ทุกย่างก้าวของทักษิณ จะตกเป็นที่จับตาของหลายฝ่าย

ตลอด 4 ปีมานี้ มีจุดที่น่าสนใจเห็นจะเป็นการออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตอบโต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติของทักษิณที่ไม่ค่อยมีมากนัก โดยมีเพียงกรณีที่ถูกพาดพิงจาก คสช.ว่าเป็นคนจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. แต่พอเรื่องนั้นซาลงไป ทักษิณก็ค่อนข้างเก็บตัวเป็นเวลาพอสมควร

จนกระทั่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ก็จะพบความเคลื่อนไหวของทักษิณอย่างมีนัยสำคัญผ่านการประกาศผ่านสำนักข่าวบีบีซีว่าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอย่างแน่นอน

“อย่าอันเดอร์เอสติเมตประชาชน (ประเมินประชาชนต่ำไป) วันนี้ประชาชนคนไทยเป็นคนพุทธเป็นส่วนใหญ่ อาจยอมอดทน อดกลั้น นั่งนิ่งเฉย รอไปก่อน คิดว่าวันหนึ่งเขาจะมีพลังแสดงอำนาจของเขาอย่างสุจริต

แล้ววันนั้นเราจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าลูกผู้ชายก็อย่าไปโกง เป็นลูกผู้ชายโดยเฉพาะชาติทหารนี่อย่าไปคิดโกงเลือกตั้งเป็นอันขาด อายเขา ไม่อายใคร ก็อายตัวเอง” ทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี

การพูดของทักษิณครั้งนี้มีผลในทางการเมืองที่สำคัญ 2 ประการ 

ประการแรก ต้องการหยุดภาวะเลือดไหลของพรรคเพื่อไทย เพราะนับตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐได้ขับเคลื่อนผ่าน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ส่งผลให้สมาชิกพรรคในภาคอีสานกำลังถูกโน้มน้าวให้เอาใจออกห่างจากพรรคเพื่อไทยอย่างหนัก

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกพรรคหลายคนหวั่นไหว เป็นเพราะความไม่ชัดเจนภายในพรรคเพื่อไทย ทั้งเรื่องการตั้งหัวหน้าพรรคสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ รวมไปถึงตัวนายใหญ่ทักษิณจะยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่

แต่เมื่อทักษิณส่งสัญญาณอย่างที่ปรากฏในบีบีซี เท่ากับว่าพรรคเพื่อไทยยังมีนายใหญ่ให้การสนับสนุนอยู่

ประการสอง มีวัตถุประสงค์เตะตัดขา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เดินสายไปทวีปยุโรปเพื่อพบกับผู้นำของอังกฤษและฝรั่งเศส เพื่อประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งหวังชิงพื้นที่จากสื่อมวลชนสร้างคะแนนความนิยม

ทว่า กลับถูกแย่งซีนไปแบบหน้าตาเฉย ภายหลังปรากฏคำให้สัมภาษณ์ของทักษิณทางบีบีซีในช่วงเวลาเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเดินทาง แม้จะเสียหายกับ พล.อ.ประยุทธ์ มากนัก แต่ในทางการเมืองก็ต้องยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ เสียเหลี่ยมเล็กน้อย

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของทักษิณเที่ยวนี้ ส่งผลลบต่อพรรคเพื่อไทยเช่นกัน โดยเฉพาะการประกาศว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง

ล่าสุด คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมเข้ามาตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายลักษณะของการที่บุคคลภายนอกที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเข้ามาครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560

“ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม” สาระสำคัญของมาตรา 28 ที่อาจมีความผิดถึงขั้นยุบพรรคการเมือง

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าแม้จะยังไม่เข้าสู่ฤดูกาลของการเลือกตั้งเต็มตัว แต่พรรคเพื่อไทยก็ถูกจ้องจับผิดตั้งแต่หัววัน เท่ากับทุกก้าวของพรรคเพื่อไทยจะตกเป็นเป้าทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามในการรอเช็กบิล ทันทีที่พรรคเพื่อไทยตกหลุมที่กฎหมายขุดล่อเอาไว้

ดังนั้น การประกาศตัวเข้าสู่สนามการเมืองผ่านการสนับสนุนพรรคเพื่่อไทยอีกครั้งของทักษิณ จึงเป็นทั้งคุณและโทษแก่พรรคเพื่อไทยไปพร้อมกัน จากนี้ต้องรอดูว่าพรรคเพื่อไทยจะงัดกระบวนท่าไหนมารับมือให้เดินหน้าไปได้ตลอดรอดฝั่ง