posttoday

เลือกตั้งเดินหน้า ปลอดเงื่อนไขยื้อ

07 มิถุนายน 2561

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้คำสั่งหัวหน้าคสช. ฉบับที่ 53/2560  ไม่มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ยิ่งเป็นการตอกย้ำการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นภายในปี 2562 อย่างแน่นอนเกือบ 100%

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค การเมือง ไม่มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ยิ่งเป็นการตอกย้ำการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นภายในปี 2562 อย่างแน่นอนเกือบ 100%

สำหรับสาระสำคัญของมติศาลรัฐธรรมนูญที่ทำการวินิจฉัยมีด้วยกัน2 ประเด็น

1.มติเสียงข้างมากที่เห็นว่าการแก้ไข มาตรา 140 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่เป็นการกำหนดให้สมาชิกพรรคการเมืองต้องมายืนยันความเป็นสมาชิกภาพต่อหัวหน้าพรรคการเมืองภายใน 30 วันนั้นไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

2.มติเอกฉันท์ที่เห็นว่าการแก้ไข มาตรา 140 (5) ของกฎหมายดังกล่าว ซึ่งกำหนดให้การตั้งสาขาพรรคการเมืองต้องมีหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 4 สาขา ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ ส่งผลให้การเลือกตั้งกำลังใส่เกียร์ห้าเดินหน้าเต็มที่ เนื่องจากประเด็นที่เคยคาดว่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคก่อนหน้านี้ได้หมดสิ้นลงไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็น ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการลงคะแนนเลือกตั้งที่อาจทำให้ไม่เป็นการลงคะแนนลับตามหลักการ ปรากฏว่าศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยว่าการแก้ไขของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ได้มีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. โดยศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยการเอาระบบการเลือก สว.ไปไว้ในบทเฉพาะกาลนั้นไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เดิมมีการคาดหมายว่าหากร่างกฎหมาย สส.หรือ สว.เกิดมีปัญหาขึ้นมา จะมีผลให้ทุกอย่างต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะการให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ต้องมาเขียนกฎหมายเลือกตั้งกันอีกรอบเพื่อให้ถูกใจ สนช.และ คสช. เรียกได้ว่าการเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่เมื่อผลของคำวินิจฉัยออกมาอย่างนี้ เหลือเพียงแต่การนับเวลารอเข้าสู่การเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้การเลือกตั้งคาดว่าจะมีขึ้นในเดือน ก.พ. 2562 แต่ในทางปฏิบัติอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เนื่องจากต้องทอดเวลาไปอีกพอสมควร โดยมีสาเหตุจากกระบวนการประกาศให้กฎหมายมีผลใช้บังคับ

เริ่มตั้งแต่นายกฯ นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ภายใน 20 วัน นับแต่ได้รับร่างกฎหมายมาจากประธาน สนช. จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้ให้เป็นกฎหมายอีก 90 วัน ขณะที่การกำหนดวันเลือกตั้ง เป็นขั้นตอนที่มีความซับซ้อนมากที่สุด กล่าวคือ แม้กฎหมาย เลือกตั้งจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่กฎหมายเลือกตั้ง สส.ได้กำหนดว่าให้กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นระยะเวลา 90 วัน นับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นถึงจะนับไปอีก 150 วัน เพื่อเป็นวันลงคะแนนเลือกตั้ง

ด้วยเหตุนี้ วันเลือกตั้งแท้จริงของไทยทั้งประเทศอาจจะไปอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เป็นอย่างน้อย

แต่กระนั้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเลือกตั้งสามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่มาจากท่าทีของ คสช.ในระยะหลังที่ส่งสัญญาณและแสดงออกในเชิงพฤตินัยว่าต้องการให้มีการเลือกตั้ง

1.การประกาศตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย แม้ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตแกนนำ กปปส.จะประกาศตัวว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลัง แต่ในทางการเมืองแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่า สุเทพ คือ คีย์แมนสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบุคคลที่ประกาศมาตลอดว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง

กลายเป็นว่า คสช.สามารถหาพรรคการเมืองที่จะเข้ามาสวมเครื่องแบบทหารได้อย่างเป็นทางการแล้ว จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีท่าทีเป็นบวกกับการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองนี้พอสมควร

2.การลงพื้นที่ต่างจังหวัด ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรและตรวจราชการตามแต่ละจังหวัดหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งมักจะถูกเชื่อมโยงถึงนัยทางการเมืองพอสมควรว่า เป็นการประกาศศักดาเพื่อดึงอดีต สส.ที่มีฐานเสียงเข้ามาร่วมงานในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ ระยะหลังไม่ได้แสดงอาการเหนียมอายเมื่อถูกเพ่งเล็งว่ากำลังเดินตามเส้นทางของการเป็นนักการเมือง หนำซ้ำยังแสดงท่าทีเป็นมิตรต่อนักการเมืองอย่างเต็มใจ จากเดิมที่จะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าใดนัก

ดังนั้น หากจะบอกว่าเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังอยู่ในช่วงของการแต่งตัว ถอดเครื่องแบบทหารและเตรียมสวมสูทเดินเข้าสภาอย่างเต็มที่ ซึ่งมาจากความมั่นใจว่าตัวเองมีความพร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้งแล้ว ภายใต้กติกาที่ตัวเองได้เปรียบกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ

ทั้งนี้ ถนนทุกสายมุ่งสู่การเลือกตั้ง เพราะแม้แต่ คสช.เองก็อยากจะลงเลือกตั้งเพื่อกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง