posttoday

‘บิ๊กตู่’ สัญจรปราสาทหิน ทุ่มพีอาร์เต็มพิกัด

07 พฤษภาคม 2561

การเดินทางมาของ ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ที่ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ดูจะถูกจับตาเป็นพิเศษ

โดย...ทีมข่าวภูมิภาคโพสต์ทูเดย์

การเดินทางมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค. 2561 ที่ จ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ดูจะถูกจับตาเป็นพิเศษ เพราะมิใช่แค่การจัดสรรงบให้กับโครงการต่างๆ ในการพัฒนากลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรืออีสานใต้

หากแต่ยังถูกจับจ้องทางการเมืองหลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่านี่คืออีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์หวังผลในการเลือกตั้งที่จะถึง

ที่สำคัญเป็นพื้นที่ที่มีนักการเมืองระดับชาติทั้งในอดีตและปัจจุบันคุมฐานเสียงอยู่ นั่นคือ เนวิน ชิดชอบประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย 

ฉะนั้น อย่าได้แปลกใจ ไฮไลต์ของ บิ๊กตู่ในการเหยียบถิ่นเนวินบุรีจึงอยู่ที่การพบปะกับประชาชนในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ที่ สนามช้าง อารีน่า ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเนวินและอนุทินจะมาร่วมต้อนรับด้วย โดยรูปแบบการพบปะดังกล่าวประชาชนสวมเสื้อทีมสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ในสนาม ซึ่งเต็มความจุ 3 หมื่นคน โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะรัฐมนตรีจะเดินรอบสนามทักทายประชาชน ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดสดออกมาอย่างยิ่งใหญ่อลังการ 

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะไปตรวจเยี่ยมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทยในการจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี สนามที่ 15 ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดรถจักรยานยนต์เตรียมเอาไว้เผื่อ พล.อ.ประยุทธ์ หากต้องการจะทดลองขับขี่เพื่อทดสอบสนามดังกล่าวด้วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ค. เนวินและคณะถึงกับเดินทางมาตรวจความพร้อมของสนามช้าง อารีน่า ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ความพร้อมของระบบ แสง สี เสียง รวมถึงการจัดการเรื่องประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาต้อนรับเต็มความจุของสนามโดยสั่งการด้วยตนเอง เรียกว่างานนี้ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่สมกับเป็นเจ้าถิ่นด้านเกมกีฬาและการเมือง   

จ.สุรินทร์ ไม่น้อยหน้าจัดเตรียมการต้อนรับสุดอลังการสมกับเป็นเมืองช้าง โดยพบว่าสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ส่วนราชการ ร้านค้า หรือถนนหนทางสัญจร ได้มีประชาชน จิตอาสา และเจ้าหน้าที่หน่วยงาน ต่างร่วมมือ ร่วมใจ กันทำความสะอาดปรับภูมิทัศน์เพื่อให้เกิดความสวยงาม โดยการเก็บกวาดถนนหนทางให้สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย มีการปลูกต้นไม้ และตกแต่งสถานที่บ้านเรือนให้สวยงาม

ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าชาว อ.กาบเชิง และพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาในตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ต่างรวมตัวกันฝึกซ้อมร้องเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทยและเพลงสู้เพื่อแผ่นดิน ที่เป็นบทเพลงใหม่ล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีแต่งขึ้น เพื่อต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะรัฐมนตรีให้ดังกระหึ่มทั้งชายแดนไทยและกัมพูชา ซึ่งคณะนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาตรวจสถานที่ก่อสร้างศุลกากรช่องจอมแห่งใหม่

เช่นเดียวกับชาวบ้าน ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณขึ้นชื่อของจังหวัด เตรียมพร้อมต้อนรับคณะรัฐมนตรีอย่างยิ่งใหญ่ โดยจะขึงผ้าไหมที่ทอยาวที่สุดจำนวน 4 ผืน เป็นแนวหลังคาให้ยาวตลอดถนนเส้นทางที่นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมหมู่บ้านท่าสว่าง ตลอดทั้งเตรียมอาหารหวานคาวสไตล์พื้นบ้านขนานแท้ ประกอบด้วยแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง ปลาร้าบอง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ต้มจืด โดยอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ลาบหมู ไก่ย่าง ต.เพี้ยราม ตำไก่ใส่มะม่วง ผักปลอดสารพิษ รับประทานกับข้าวหอมมะลิ จ.สุรินทร์ อีกทั้งยังเตรียมผ้าไหมเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับคณะรัฐมนตรีด้วย

บุญรวม รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าสว่างอ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า หมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่างเป็นหนึ่งในพื้นที่ตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะรัฐมนตรี ในช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค. ซึ่งชาวบ้านท่าสว่างได้จัดเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี โดยจะนำเสนอจุดเด่นของ จ.สุรินทร์ ด้วยการนำช้างพลายทองคำและพลายทองแท่ง ช้างแฝดคู่แรกของโลกมามอบกระเช้าต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย 

ทองเย็น มีพร้อม อายุ 72 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายผ้าไหม ชื่อร้าน “แม่ทองเย็น” เลขที่ 272 ม.1 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง กล่าวว่า ได้ซื้อผ้าไหมจากกลุ่มชาวบ้านมาจำหน่ายและจัดในร้านให้ดูเยอะจะได้สวยงาม เพื่อโชว์ให้คณะรัฐมนตรีดู ซึ่งผู้จำหน่ายผ้าไหมก็ได้ให้ความร่วมมือมอบผ้าไหมคนละผืนไปไว้ต้อนรับนายกฯ แล้วด้วย อยากให้นายกฯ เห็นผ้าไหมคุณภาพของสุรินทร์ ตนไม่เคยเห็นตัวจริงของนายกฯ เลย เห็นแต่ในทีวี ดีใจมากที่จะได้เห็นตัวเป็นๆ ถ้าท่านเดินผ่านมาหน้าร้าน ตนจะขอมัดผ้าไหมที่เอวให้ท่านเลยอีก 1 ผืน

ครั้งนี้หน่วยงานส่วนกลางและต่างจังหวัดต่างโหมประโคมข่าวให้ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ โดยกรมประชาสัมพันธ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดก็มีการจัดทำป้ายผ้าภาษาอีสาน ยินดีต้อนรับนายกฯ และคณะ แม้แต่ “เพจไทยคู่ฟ้า” ซึ่งเป็นเพจของรัฐบาล มีการนำเสนอภาพและข้อความในรูปแบบหลากหลายดึงดูดความสนใจ