posttoday

พระราชทานคำสอน รัฐบาลต้องทำเพื่อชาติ

18 ตุลาคม 2559

"ถ้าท่านทำงานเรียบร้อย ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นบุญ สำหรับประเทศ เพราะว่าประเทศต้องมีคนที่ดูแลความเป็นอยู่อย่างดี"

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ประเทศไทยปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยผ่านคณะรัฐมนตรี รัฐสภา ซึ่งเป็นสิ่งที่พสกนิกรชาวไทยต่างรับรู้เป็นอย่างดี

ตลอดการครองราชย์เป็นเวลายาวนานถึง 70 ปีของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารประเทศอย่างมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะทรงเน้นย้ำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ละชุด ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือวิธีการอื่นที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ต้องยึดหลักซื่อสัตย์สุจริต

วันที่ 9 ต.ค. 2549 ทรงมีพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นแนวทางให้กับ ครม.ภายหลังเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร โดยมีสาระสำคัญดังนี้

“เข้าใจว่าท่านได้รับเลือกเฟ้นเป็นผู้ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ หน้าที่นั้นไม่ได้หมายความว่า จะต้องทำด้วยความตั้งใจที่จะให้ได้ผลสำเร็จ คือ ผลสำเร็จไม่ได้หมายความว่า จะให้มีผลในทางวัตถุ แต่จะต้องทำให้ดี เพราะว่าแต่ละกระทรวงก็ต้องทำ และโดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ ประเทศก็กำลังผ่านวิกฤตการณ์ ไม่ใช่เฉพาะในทางที่ท่านต้องทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่ต้องทำด้วยความสามารถ เพราะว่าประเทศชาติกำลังผ่านระยะที่วิกฤต ทั้งในด้านสถานการณ์ที่จะต้องใช้ความสามารถในทางที่จะให้ประเทศรุ่งเรืองได้ แม้แต่ธรรมชาติก็อันตรายอยู่”

“นอกจากนั้น เวลานี้บ้านเมืองได้รับความเดือดร้อน นอกจากน้ำท่วม ก็มีอย่างอื่น ที่มีคนเขาพูดมาก โดยเฉพาะไม่ใช่คนไทย คนต่างประเทศพูดว่า ประเทศไทยไม่ดี ก็จะต้องพยายามที่จะแก้ไข ถ้าไม่แก้ไข ประเทศก็เสียชื่อ แล้วก็เมื่อเสียชื่อแล้ว ก็จะเสียหายในเรื่องที่ประเทศชาติจะอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าเขาว่าว่าคนไทยไม่ดี ก็ทำให้คนไทย ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่ปกครอง แต่ทุกคนก็กลายเป็นคนไม่ดี ฉะนั้น ต้องพยายามแก้ไขอะไรที่ไม่ดี ให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นงานที่ยาก หนัก ก็ขอให้ท่านได้มีกำลังใจปฏิบัติงาน เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ”

“ก็ขอให้ท่านสามารถที่จะทำ ขอให้ท่านมีกำลังใจที่จะทำ แม้มีเวลาน้อย แต่เชื่อว่าท่านทำได้ เพราะท่านก็มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ ก็ขอให้ท่านได้ผ่านพ้นอุปสรรค และขอบใจที่ท่านรับหน้าที่อันหนักนี้ และขอให้ทำด้วยความเข้มแข็ง และขอให้ท่านสำเร็จในงานการที่ได้รับทำ เพื่อให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตการณ์ และมีความเจริญ มีความสำเร็จในการปฏิบัติ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ และมีร่างกายเข้มแข็ง แข็งแรง ไม่มีอะไรที่มาขัดขวาง ขอให้ได้รับความสำเร็จทุกประการ”

เช่นเดียวกับพระบรมราโชวาทที่ได้พระราชทานให้กับ ครม.ชุดใหม่เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2551

“ถ้าท่านทำงานเรียบร้อย ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าเป็นบุญ สำหรับประเทศ เพราะว่าประเทศต้องมีคนที่ดูแลความเป็นอยู่อย่างดี ถ้ามิเช่นนั้น ไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานของประชาชนทั่วไปได้ดีนัก แต่ถ้าท่านได้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสุข ความเรียบร้อย ก็ทำให้ประเทศชาติผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนคนไทยทุกคนที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปโดยดี เพราะว่าทำให้สามารถที่จะมีความเป็นไทยได้”

“ขอให้พยายามที่จะปฏิบัติงานให้ดีที่สุดเพื่อให้เมืองไทยมีความเรียบร้อยมีความสุข ถ้าทำไม่ดีจะเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงหรือคนที่ทั่วไปทำไม่ดีคนหนึ่งคนใดก็ทำให้ประเทศชาติล่มจมได้ ท่านมีหน้าที่สูงที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปด้วยดี ขอให้ปฏิบัติงานเพื่อความดีความสงบสุขของประเทศ ซึ่งเป็นความจำเป็นที่สุด”

“หากทำได้ท่านเองก็มีความสุขประชาชนทั่วไปก็มีความสุขทั้งนั้น คนไหนจะทำอะไรก็สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ถ้าท่านช่วยกันดูแลประเทศชาติมีความราบรื่นท่านเองก็มีความสุขเหมือนกัน ที่ท่านตั้งในจะปฏิบัติงานโดยดีนั้นเป็นความดีที่ถ้าจะทำสำหรับตัวเองและส่วนรวม ถ้าส่วนรวมอยู่ดีท่านก็อยู่ดี ขอให้ปฏิบัติงานให้เรียบร้อยให้ประเทศชาติมีความราบรื่น ขอให้ท่านมีความสำเร็จในการงานแต่ละส่วนที่ท่านต้องทำ”

เหนืออื่นใด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงเน้นย้ำถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังจะเห็นได้จากการมีพระราชดำรัสต่อ ครม.ชุดใหม่เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2554

“ขอทุกท่านทำงานด้วยความตั้งใจอย่างดีที่สุดเพื่อผลสำเร็จของบ้านเมืองในทุกสาขา ในทุกด้านมีความพอใจในงานการ และมีความสำเร็จในงานการ ทำให้ประเทศชาติเป็นที่อยู่ที่สบายในโลก ซึ่งในโลกนี้มีความวุ่นวายพอแล้ว ขอให้ในประเทศไทยมีความเรียบร้อย”

“ขอแสดงความยินดีต่อคณะรัฐมนตรีที่ได้ตั้งขึ้นมาใหม่ และที่มากล่าวคำปฏิญาณว่า จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อความเจริญมั่นคงของประเทศชาตินี้ ขอให้ทำงานตามที่ได้กล่าวปฏิญาณ และสามารถปฏิบัติตามความตั้งใจ”

“ขอให้ท่านได้สามารถปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ในความมีผลสำเร็จ ท่านเอง ในส่วนตัวของท่านก็จะมีความพอใจ ถ้าท่านได้ตามที่ท่านได้ตั้งใจไว้ ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการ และให้บ้านเมืองมีความสำเร็จตามที่ต้องการ ซึ่งถ้าประเทศไทยนั้น น่าจะมีได้”

“ในปัจจุบันนี้ ในโลกนี้มีความวุ่นวายอย่างยิ่ง เมืองไทยยังมีความวุ่นวายน้อย การรักษาความสงบสุขรักษาความสำเร็จที่ได้กระทำมาแต่ปางก่อน ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะมีความสำเร็จได้แล้ว จะมีความพอใจ”

บ้านเมืองจะพัง เพราะการทุจริต

นอกเหนือไปจากพระราชดำรัสที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ ครม.ในหลายโอกาสแล้ว ยังมีอีกพระราชดำรัสหนึ่งที่อาจกล่าวได้ว่า เป็นคำสอนที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง คือ พระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ว่าราชการจังหวัดระบบบูรณาการ (ผู้ว่าฯ ซีอีโอ) เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2546 ณ วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยใจความสำคัญ ดังนี้

“ที่ใช้คำว่า ผู้ว่าฯ ซีอีโอก็เข้าใจว่าจะให้ทุกคนมีความรู้ทั่วทุกอย่าง และเมื่อมีปัญหาอะไรก็จะแก้ปัญหาได้ อันนี้ได้เคยถามทางซีอีโอว่า ท่านจะรู้ได้อย่างไร ท่านบอกว่า ก็ขอให้รองผู้ว่าฯ หรือนายอำเภอทำตามปัญหาที่มีอยู่ ไม่ใช่ผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯ ไม่ต้อง ไม่ต้องมีความรู้อะไรเลย อันนี้ก็มีปัญหาอะไรที่จะมีผู้ว่าฯ ซีอีโอ เพราะว่าซีอีโอนี้เข้าใจว่า เป็นผู้ที่มีคำสั่งได้ คนไทยมีคำสั่งได้ ไม่เข้าใจในงาน ไม่รู้รายละเอียดของงานก็ลำบาก ทำไม่ได้”

“แต่เข้าใจว่าท่านได้ผ่านอบรมมา และมีผู้ที่เป็นผู้อบรม มีคุณภาพตั้งแต่นายกรัฐมนตรีและผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศมาสอนท่าน และท่านเข้าใจในการสอนนั้น ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ไม่ต้องให้โอวาทอะไรเลย เพราะว่าโอวาทนั้นจะมีไว้สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ท่านก็รู้เรื่อง แต่อยากจะสรุปหน้าที่ของท่านว่าท่านจะต้องปกครอง คำว่าปกครองนี้ก็หมายความว่า จัดการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและประชาชนมีความเรียบร้อย มีความสามารถที่จะดำเนินชีวิตดีอย่างดี เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างนั้นจะต้องมีความรู้ในทั้งหลักวิชาต่างๆ”

“อีกข้อหนึ่งของซีอีโอ ข้อสุดท้ายคือประสานนั้น ต้องประสานงานไม่ใช่ประสานงา โดยมากเอะอะอะไรก็ประสานงากัน แล้วก็มีการทุจริต ทำอย่างไรจึงจะปราบทุจริตได้ ปราบทุจริตจะว่าเป็นเรื่องของตำรวจ เรื่องของศาล เป็นเรื่องของพระ ไม่ใช่เป็นเรื่องของผู้ว่าฯ ซีอีโอ อย่าให้ข้าราชการชั้นไหน ชั้นใด ข้าราชการหรือประชาชนมีการทุจริต ถ้ามีทุจริตแล้วบ้านเมืองพัง ที่เมืองไทยพังมาเพราะว่ามีทุจริต”

“ท่านเป็นซีอีโอ แต่ซีอีโอมีเกษียณ และกฎหมายบอกต่ออายุไม่ได้ มีแต่ต่ออายุข้าราชการสำนัก ที่จะต่ออายุได้เพราะว่ามีกฎหมายที่ข้าราชการสำนักต่ออายุได้ ถึงเท่าไรก็ได้ เพราะไม่ทราบว่าลองไปพูดว่าผู้ว่าฯแข็งแรงให้ต่ออายุ เพราะว่าผู้ว่าฯ ซีอีโอต้องเป็นคนที่สุจริต ทุจริตไม่ได้”

“ถ้าทุจริตแม้แต่นิดเดียวก็ขอแช่งให้มีอันเป็นไป พูดอย่างนี้หยาบคาย แต่ว่าขอให้มีอันเป็นไป ถ้าไม่ทุจริต ถ้าสุจริตและมีความตั้งใจในธรรม ขอให้ต่ออายุได้ถึง 100 ปี ถ้าอายุมากแล้วก็แข็งแรง แล้วสุจริตประเทศไทยจะรอดพ้นอันตรายอย่างมาก เพราะว่าผู้ที่ทำด้วยความตั้งใจ เพียงแค่นี้จะให้พรให้อายุยืนเท่าไรๆ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลยังไม่ให้ต่ออายุ ก็ขอให้อย่างน้อยถึงอายุ 60 ท่านแข็งแรงไม่มีไข้เจ็บอะไร ให้ปลอดภัยให้สามารถทำงานที่ต้องการ”