posttoday

อลวนคืนเงินรถคันแรก

02 พฤศจิกายน 2555

หลังจากโครงการรถคันแรกดำเนินการมาได้ 1 ปี ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การจ่ายเงินคืนให้กับผู้ซื้อรถตามเงื่อนไข คือ หลังจากการครอบครองรถมาครบ 1 ปี

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

หลังจากโครงการรถคันแรกดำเนินการมาได้ 1 ปี ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือ การจ่ายเงินคืนให้กับผู้ซื้อรถตามเงื่อนไข คือ หลังจากการครอบครองรถมาครบ 1 ปี

การจ่ายเงินคืนรถคันแรกดีเดย์เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2555 แม้ว่าเป็นจำนวนรายไม่มากคือ 47 ราย เป็นเงิน 3-4 ล้านบาท เพราะตอนเริ่มโครงการยังมีคนสนใจน้อย ประกอบกับมีปัญหาน้ำท่วมปลายปี 2554 ทำให้การซื้อขายรถยนต์ชะลอตัวค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กลางปีนี้รัฐบาลผ่อนปรนเงื่อนไขรถคันแรก ให้ผู้ใช้สิทธิจองซื้อรถภายในปีนี้ ได้สิทธิรถคันแรกได้ด้วย จากเดิมที่ต้องรับรถภายในปีนี้ถึงจะได้สิทธิ ทำให้ยอดการจองรถเพื่อให้ได้สิทธิคืนเงินรถคันแรกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

โดยยอดการใช้สิทธิขอคืนเงินรถคันแรกล่าสุดที่กรมสรรพสามิตมียอดสูง 3 แสนคัน เป็นเงินที่ต้องคืนถึง 2.9 หมื่นล้านบาท โดยมีการประเมินการเบื้องต้นว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้สิทธิถึง 5 แสนคัน เป็นเงินที่ต้องคืนมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากการได้คืนเงินจากการซื้อรถถึง 1 แสนบาท เป็นแรงดึงดูดใจของผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของรถคันแรกอย่างมาก

ยอดผู้ใช้สิทธิรถคันแรกที่มีจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาการบริหารจัดการคืนเงินของหน่วยงานภาครัฐอย่างมาก เพราะผู้ที่ซื้อรถต่างเร่งส่งเอกสารต่างๆ เพื่อขอใช้สิทธิให้ได้เป็นคนต้นๆ โดยหวังว่าเมื่อยื่นไวก็จะได้เงินคืนทันทีเมื่อครอบครองรถครบ 1 ปี

อลวนคืนเงินรถคันแรก

เมื่อเป็นเช่นนั้น ความชุลมุนการจัดการข้อมูลเอกสารก็เกิดขึ้น ทั้งกับผู้ซื้อรถที่ต้องการใช้สิทธิซื้อรถเอง และกับหน่วยงานที่ต้องจัดการข้อมูลเพื่อจ่ายคืนเงินให้กับผู้ซื้อรถ ไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพสามิต กรมการขนส่ง กรมบัญชีกลางและธนาคารกรุงไทย ต้องประสบปัญหาการจ่ายเงินให้กับผู้ซื้อรถคันแรก

โดยการคืนเงินรถคันแรก สำหรับการจ่ายเงินคืนรถคันแรกในงวดเดือน ต.ค. ที่กำหนดจ่ายเงินในวันที่ 5 และวันที่ 20 มีผู้ที่จะได้รับเงินภาษีคืนทั้งสิ้น 5,847 ราย แต่สามารถโอนเงินให้ได้แค่ 2,331 ราย คิดเป็นเงิน 178 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 3,516 รายยังมีปัญหาโอนเงินให้ไม่ได้ เนื่องจากมีปัญหาบันทึกข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ทำให้ธนาคารกรุงไทยโอนเงินเข้าบัญชีของผู้รับเงินไม่ได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมายืนยันว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของการดำเนินการ ทำให้กรมสรรพสามิต กรมการขนส่ง และกรมบัญชีกลาง ต้องมาประชุมสัมมนายกเครื่องกันยกใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเป็นจุดอ่อนของนโยบายรัฐบาลในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก

สาเหตุหนึ่งของปัญหาโครงการรถคันแรก เพราะเป็นโครงการคิดเร็วทำเร็ว ไม่ได้เตรียมพร้อมไม่มีการประชาสัมพันธ์ที่ดี เป็นการทำไปแก้ไป จนเป็นเหตุทำให้การคืนเงินรถคันแรกต้องสะดุด

ปัญหาของการคืนเงินรถคันแรก มีตั้งแต่ผู้ซื้อรถต้องยื่นเอกสารจำนวนหลายอย่าง และบางอย่างเป็นรายละเอียด ทำให้เกิดความล่าช้า ส่งไม่ครบต้องส่งเพิ่ม ทำให้การดำเนินงานในส่วนนี้ผู้ซื้อรถบางรายต้องเสียเวลาในการดำเนินการนี้เป็นเวลานาน ทำให้การขอคืนเงินเกิดความล่าช้า

ขณะที่กรมสรรพสามิตที่เป็นแม่งานหลักในการคืนเงินรถยนต์คันแรก ก็มีงานล้นมือ เพราะรถแต่ละคันมีเอกสารหลายอย่างต้องตรวจสอบ และต้องส่งเข้าระบบ นับเป็นเอกสารที่กรมสรรพสามิตต้องดูมีมากกว่า 1 ล้านใบเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดความคาดเคลื่อนไม่ว่า จะเป็นการพิมพ์ชื่อ นามสกุล หรือ เลขที่บัญชีสมุดเงินฝากธนาคารของผู้ที่ได้รับสิทธิ ที่จะให้รัฐบาลโอนเงินคืนมาให้เกิดความผิดพลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุสำคัญทำให้การโอนเงินที่ผ่านมามีปัญหาโอนไม่ได้

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ออกมาระบุว่า ต่อไปนี้ต้องตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้สิทธิในโครงการรถคันแรกให้ละเอียดมากขึ้น ทั้งในส่วนของเลขบัญชีธนาคาร ตัวสะกดชื่อ นามสกุล ต้องให้ตรงกันทั้งหมดในเอกสาร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนเมื่องวดวันที่ 20 ต.ค. โดยในช่วงปีใหม่คือวันที่ 29-31 ธ.ค. 2555 เป็นช่วงสุดท้ายของการยื่นเอกสาร เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตจะเปิดทำงานและรับเอกสารแบบไม่หยุดปีใหม่จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2555

นอกจากนี้ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ยังออกมาระบุว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินคืนรถคันแรก จากเดิมเดือนละ 2 ครั้ง เป็นเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น เพื่อให้มีเวลาการตรวจสอบข้อมูลได้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการจ่ายเดือนละ 2 ครั้ง ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเวลาตรวจน้อย หากไม่แก้ไขในอนาคตยอดผู้ใช้สิทธิที่มากขึ้น จะทำให้มีปัญหาจ่ายเงินคืนมาอีก

ปัญหาของการคืนเงินรถคันแรกไม่มีแค่การบริหารจัดข้อมูลเอกสารเท่านั้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องเงินที่ต้องมาใช้คืนด้วย ที่รัฐบาลเริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำให้เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ต้องดึงการจ่ายเงินออกไปเป็นเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้มีเวลาไปหาเงินมาจ่าย

ที่เห็นได้ชัดปีงบประมาณ 2556 มีการตั้งงบประมาณจ่ายเงินคืนรถคันแรกไว้ 7,500 ล้านบาท แต่ผู้ที่ใช้สิทธิขอคืนเงินมี 1.8 หมื่นล้านบาท ทำให้คลังต้องวิ่งวุ่นหาเงินจากงบกลางมาโปะ เพื่อไม่ให้การเบิกจ่ายสะดุด ซึ่งการตั้งงบยอดจ่ายเงินคืนรถคันแรกน้อยกว่าความเป็นจริงกว่าครึ่ง มาจากงบประมาณมีจำกัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้โครงการรถคันแรกมีปัญหาเงินไม่พออย่างที่เห็น

นอกจากนี้ เดิมมีการประเมินว่าจะมีผู้ใช้สิทธิรถคันแรก 5 แสนคัน เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืน 3 หมื่นล้านบาท แต่ข้อมูลที่กรมสรรพสามิตเปิดเผยออกมา ขณะนี้มีผู้ขอใช้สิทธิแล้ว 3 แสนคัน เป็นเงินที่ต้องจ่ายคืนถึง 2.9 หมื่นล้านบาท นั้นหมายความถึงสิ้นปีรัฐบาลต้องใช้เงินจ่ายคืนสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยมีแนวโน้มต้องใช้เงินจ่ายคืนรถคันแรก 5-6 หมื่นล้านบาท ทำให้เป็นภาระงบประมาณของประเทศมากขึ้น และทำให้การจ่ายเงินคืนรถคันแรกมีปัญหาต้องถูกดึงถูกลากมากขึ้น ส่งผลกระทบทำให้ผู้ที่ซื้อรถคันแรกได้รับเงินคืนช้านั้นเอง

ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า โครงการรถคันแรก ที่เป็นหนึ่งในโครงการประชานิยมที่รัฐบาลใช้หาเสียงเลือกตั้ง ก็มีปัญหาการบริหารจัดการเหมือนๆ หลายโครงการ ทำได้เร็วแต่ไม่พร้อม

ที่สำคัญมีปัญหาผลกระทบ คือ เป็นภาระกับการเงินของประเทศสูงกว่าที่คิดไว้เป็นจำนวนมาก