‘ไทยวอรี่’ เสิร์ฟอาหารสู่ครัวโลก

โดย...พีรดา ปราศรีวงค์ 

รูปแบบไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของคนรุ่นใหม่ยุคไอที ที่เน้นความสะดวก สบาย รวดเร็ว ในทุกกิจกรรมของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่นเดียวกับการเลือกบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ นอกจากรสชาติอาหารที่ถูกปาก โภชนาการที่ครบถ้วน ความสะดวกหารับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา สะอาด รวดเร็ว ฯลฯ เป็นหัวใจในการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้ปัจจุบันนวัตกรรมแปรูปอาหารแช่แข็ง หรือฟรีซดราย ได้รับความนิยมจากคนไทยมากขึ้น เมื่อเทียบกับ 3-4 ปีที่ผ่านมา ฐานลูกค้ามีจำนวนจำกัดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น

ฐนิวรรณ กุลมงคล ประธานบริษัท ซิลเวอร์พูน และนายกสมาคมภัตตาคารไทย ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารไทยฟรีซดรายแบรนด์ไทยวอรี่ สะท้อนภาพธุรกิจอาหารแช่แข็งว่า ปัจจุบันนวัตกรรมฟรีซดรายถูกพัฒนาคิดค้นกระบวนการผลิตให้เหมาะกับการผลิตอาหารไทยได้มากขึ้น จากเดิมใช้กับผลไม้อบแห้งเท่านั้น เนื่องจากส่วนผสมของอาหารไทยแต่ละประเภทมีวัตถุดิบการปรุงหลายชนิด มีระยะเวลาการปรุงสุกไม่เท่ากัน ทำให้ขั้นตอนการผลิตมีความซับซ้อนยุ่งยากมากกว่าผลไม้อบแห้ง

ทั้งนี้ แนวทางการสร้างแบรนด์อาหารไทยวอรี่ บริษัทมุ่งคิดค้นการปรุงอาหารในแต่ละเมนู ด้วยความพิถีพิถันรายละเอียดส่วนผสมต่างๆ การเลือกผัก เนื้อสัตว์ สมุนไพร ต้องเป็นของดีที่มีคุณภาพ เพื่อให้อาหารฟรีซดรายมีรสชาติไม่แตกต่างจากอาหารปรุงสุกใหม่ ไม่ว่าผู้บริโภคจะฉีกซองรับประทานในมุมไหนของโลก จะได้ความรู้สึกเหมือนได้ทานอาหารไทยจากแม่ครัวไทยต้นตำรับ

“อาหารไทยฟรีซดรายเป็นอีกกลยุทธ์ที่จะผลักดันให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ถือเป็นการต่อยอดโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ที่รัฐบาลต้องปรับกลยุทธ์การส่งเสริมใหม่ จากเดิมมุ่งให้ผู้ประกอบการไทยลงทุนร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ซึ่งเติบโตได้ยาก เพราะเจ้าของธุรกิจร้านอาหารในต่างแดนส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาศึกษาต่อ และมองเห็นช่องทางมากกว่านักลงทุนคนไทย” ฐนิวรรณ กล่าว

ปัจจุบันไทยวอรี่ได้ผลิตอาหารไทย 6 เมนู ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ส้มตำ แกงเขียวหวาน มัสมั่นไก่ ผัดไทย และต้มข่าไก่ ซึ่งเป็นเมนูยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบและรู้จัก โดยบริษัทได้เร่งพัฒนาการผลิตอาหาร เพื่อให้ได้รับมาตรฐานฮาลาลและเครื่องหมายไอเอสโอ เพื่อสร้างมาตรฐานความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและเป็นตราสัญลักษณ์ที่จะส่งออกไปจำหน่ายในทุกๆ ประเทศทั่วโลกได้

ฐนิวรรณ กล่าวว่า ไทยวอรี่มุ่งจับกลุ่มลูกค้าตลาดบน เช่น คนไทยที่เดินทางไปศึกษาต่อในต่างแดน รวมถึงเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศจีน กลุ่มประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) อินโดนีเซียผ่านตัวแทนจำหน่ายและช่องทางออนไลน์ โดยตลาดประเทศจีน ขณะนี้มีผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามเข้ามาหลายมณฑล ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรที่เหมาะสม

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจ บริษัทจะผลักดันให้ไทยวอรี่เป็นอาหารไทยแช่แข็งที่คนไทยและต่างชาตินึกถึงเป็นแบรนด์แรกที่ต้องการรับประทานอาหารไทยแบบต้นตำรับ โดยในปีหน้าตั้งเป้ายอดขายเดือนละ 5.2 หมื่นชิ้น/เดือน รายได้ประมาณ 1.3 ล้านบาท/เดือน เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-20% และในปี 2570 จะมีการผลิตและจำหน่าย 8.4 หมื่นชิ้น/เดือน สร้างรายได้ 2.2 ล้านบาท/เดือน รวมถึงกระจายสินค้าไปทั่วโลก