ส้มตำอบกรอบแม่ตุ๊ก นวัตกรรมอาหารไทย

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

เป็นสินค้าที่โด่งดังในโลกโซเชียล จนผลิตไม่ทันกับความต้องการแล้วกับ “ส้มตำไทยอบกรอบ ตราแม่ตุ๊ก” ที่เป็นสินค้านวัตกรรม และไม่มีมาก่อนในประเทศไทย พร้อมทั้งมีรสชาติโดดเด่น คงเอกลักษณ์ส้มตำไทยไว้แบบครบรส

ส้มตำอบกรอบแม่ตุ๊ก ได้ออกแบบให้ลูกค้าใส่เพียงน้ำเปล่าลงไปในส้มตำประมาณ 5 นาที และคลุกเคล้าส้มตำให้เข้ากัน จะได้ส้มตำที่พร้อมรับประทาน และรสชาติเหมือนออกมาจากครก ซึ่งได้กำหนดรสชาติระดับเผ็ดน้อย เผ็ดกลาง และเผ็ดมาก ตามความต้องการของลูกค้า โดยรสแรกจะเป็นส้มตำไทย

ขณะเดียวกัน ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เข้ามาสู่ตลาดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยลูกค้าให้การตอบรับระดับสูงมาก และมีกระแสจากโซเชียลมีเดีย ที่ลูกค้าคนไทยเมื่อได้รับประทานต่างชื่นชอบ ทำให้สินค้าผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด

ต่อไปสนใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ส้มตำรสใหม่ออกมาสู่ตลาด เช่น อาจเป็นส้มตำปลาร้า โดยอยู่ระหว่างพัฒนา พร้อมกันนี้มีแผนลงทุนในโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้า โดยเฉพาะส้มตำ ถือเป็นสินค้าที่ใช้การผลิตที่มีความพิถีพิถันและประณีตอย่างมาก

สำหรับการจัดตั้งบริษัท เอ็ม.ที.เกษตรแปรรูป มาจากการที่ตนเองมีความสนใจเรื่องสินค้าเกษตรแปรรูป และสนใจศึกษาความรู้ต่างๆ ด้วยตัวเอง จึงได้ต่อยอดสินค้าเกษตรไทย ที่มีปัญหาเรื่องผลผลิตตกต่ำ และบางครั้งมีปริมาณผลผลิตล้นตลาด ไปสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยระยะแรกได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้า ภายใต้แบรนด์ เอ็ม.ที. และแม่ตุ๊ก ทำตลาดมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และเปิดขายในตลาดสี่มุมเมือง

ต่อมาได้ขยายสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร ทั้งผักดอง หน่อไม้ น้ำพริก และกระเทียมดอง เป็นต้น ซึ่งธุรกิจมีการขยายตัวที่ดี และบริษัทพร้อมพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีสินค้ากว่า 200 รายการแล้ว พร้อมกันนี้ได้ขยายธุรกิจไปสู่การเปิดโรงงานผลิตสินค้าอยู่ที่บริเวณรังสิต คลอง 12 พื้นที่โรงงานกว่า 50 ไร่

“ตนเองเป็นคน จ.ศรีสะเกษ ได้เริ่มขายสินค้าเกษตรในตลาดสี่มุมเมือง โดยเป็นการขายส่ง ต่อมาพบปัญหาของเกษตรกรคือ การขาดทุน และไม่มีกำไร ทำให้สนใจอยากพัฒนาสินค้าไปสู่การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทยให้สูงขึ้น” สมคิด กล่าว

ทั้งนี้ แม้ว่าตนเองจะไม่ได้จบการศึกษาด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร แต่ทุกอย่างในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาจากการที่ตนเองสนใจเรื่องนี้ ทำให้เกิดแรงผลักดันศึกษาข้อมูล และทดลองทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ค่อยๆ ทดลองทำไปเรื่อยๆ ในที่สุดสามารถสร้างผลิตภัณฑ์สู่ตลาดได้ ส่วนช่องทางจำหน่ายจะมีผ่านศูนย์การค้าในประเทศและซูเปอร์มาร์เก็ต ส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะมีทั้งประเทศเกาหลีใต้และไต้หวัน

สมคิด กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น เพราะเมื่อสินค้าส่งออกมากขึ้น จะเป็นผลดีต่อเกษตรกรไทยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงต้องการผลักดันส้มตำไทยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างส้มตำไทยให้กลายเป็นเมนูยอดนิยมและอยู่ในใจของลูกค้าชาวต่างชาติ