posttoday

นายกฯตรึงดีเซลถึงสิ้นเม.ย.

03 มีนาคม 2554

นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ใช้มาตรการตรึงราคาดีเซล ไปจนถึงสิ้นเม.ย. หวั่น ปรับราคามีผลกระทบต่อราคาสินค้า ด้านพลังงานจับตาราคาน้ำมันใกล้ชิดพร้อมเรียกถกกบง.ชดเชยดีเซลเพิ่ม 

นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ใช้มาตรการตรึงราคาดีเซล ไปจนถึงสิ้นเม.ย. หวั่น ปรับราคามีผลกระทบต่อราคาสินค้า ด้านพลังงานจับตาราคาน้ำมันใกล้ชิดพร้อมเรียกถกกบง.ชดเชยดีเซลเพิ่ม 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ขณะนี้ยังมีความจำเป็นต้องตรึงราคาดีเซลไว้ที่ระดับ 30 บาท/ลิตรต่อไป ซึ่งการพิจารณาว่าควรจะมีการปรับขึ้นหรือไม่ ควรจะเป็นหลังจากเดือนเมษายน แต่ยอมรับว่าปัจจัยเหตุการณ์ในตะวันออกกลางและการเก็งกำไรมีผลต่อการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้ ส่วนจะมีการปรับขึ้นราคาในประเทศอย่างไรนั้น ต้องคำนึงถึงเรื่องราคาสินค้าและค่าขนส่งด้วย

"ต้องประเมินสุดท้ายที่ประชาชน สมมติว่าสุดท้ายจะขยับเพดานก็ต้องดูว่ามีสินค้าอะไรขึ้นบ้าง ต้องพิจารณาให้รอบคอบ ในชั้นนี้ ผมคิดว่าเราควรยึดแนวทางเดิมไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกแกว่งตัวค่อนข้างมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในตะวันออกกลางและการเก็งกำไร ถ้าเปลี่ยนแนวทางตรงนี้ก่อนเดือนเมษายนคงไม่เหมาะ" นายกฯ กล่าว

ส่วนกรณีที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจปรับตัวสูงขึ้นไปถึง 130 บาท/ดอลลาร์นั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นมีลักษณะเดียวกันกับช่วงราคาน้ำมันในช่วงปี 2551 แต่ก็ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะในช่วงปี 51 แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นแต่ก็มีการปรับลดลงมาค่อนข้างเร็ว ซึ่งก็ต้องดูตามสภาพความเป็นจริง

ด้าน นายวีระพล จิระประดิษฐกุล ผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำมันดิบดูไบราคาอยู่ที่ 109 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 128.16 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปรับตัวสูงกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาค่าการตลาดของผู้จำหน่ายน้ำมันต่ำกว่า 90 สตางค์ต่อลิตร ผู้ค้าน้ำมันจึงปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นไปแล้ว 50 สตางค์ – 1 บาทต่อลิตร บางบริษัทราคาดีเซลเพิ่มสูงกว่า 29.99 บาทต่อลิตร

"กระทรวงพลังงานจะจับตาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในช่วงปิดตลาดน้ำมันสิงคโปร์ในวันนี้ (3มี.ค.) หากราคาน้ำมันปรับขึ้นสูง ก็จะเรียกประชุม คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลให้กับผู้ค้าน้ำมันเพิ่มเติม โดยขณะนี้มีการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 247 ล้านบาทต่อวัน และมีการใช้เงินเพื่อชดเชยราคาน้ำมันดีเซลไปแล้วกว่า 8,570 ล้านบาท ซึ่งสถานะสุทธิของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีเงินอยู่ประมาณ 2.1หมื่นล้านบาท แต่เมื่อหักภาระการอุดหนุนแอลพีจี และเอ็นจีวี จะมีเงินเหลืออยู่ 1.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น

 

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!