posttoday

"โอโฟ่"เร่งบุกตลาดไทย ส่งจักรยานไฟฟ้าจับลูกค้ารัฐ-เอกชน

19 กุมภาพันธ์ 2561

"โอโฟ่"ยักษ์ใหญ่จากจีนขยายฐานบุกตลาดจักรยานไฟฟ้าในไทย ลั่นปีนี้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่

"โอโฟ่"ยักษ์ใหญ่จากจีนขยายฐานบุกตลาดจักรยานไฟฟ้าในไทย ลั่นปีนี้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่

นายนพพล ตู้จินดา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โอโฟ่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า โอโฟ่ (OFO) เป็นผู้ให้บริการจักรยานสาธารณะอัจฉริยะครอบคลุม 250 เมือง 20 ประเทศทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับประเทศไทยได้เปิดให้บริการเมื่อเดือน ส.ค. 2560 ปัจจุบันมีจำนวนจักรยานไฟฟ้าให้บริการเกือบ 1 หมื่นคันใน 12 มหาวิทยาลัย และพื้นที่ 16 จังหวัด พร้อมตั้งเป้า 3 ปีจากนี้จะเพิ่มจำนวนเป็น 1 แสนคันทั่วประเทศ

สำหรับปี 2561 เตรียมขยายพื้นที่การบริการให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็น จ.ชลบุรี ขอนแก่น เชียงราย โคราช เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมกับภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมพร้อมให้บริการแชร์จักรยานอัจฉริยะ ซึ่งขณะนี้เจรจากับกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

รวมทั้งเพิ่มจำนวนมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยรังสิต ฯลฯ และล่าสุดเตรียมให้บริการในพื้นที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย บางซื่อ อีกทั้งโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัท แสนสิริ เช่น ฮาบิโตะคอมมูนิตี้มอลล์ และ 8 โครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ รวมทั้งอีก 2 โครงการที่ จ.ภูเก็ต

“จักรยานโอโฟ่ที่นำเข้ามาให้บริการในไทยเป็นรุ่น Smart Lock ใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานในประเทศไทยโดยเฉพาะที่มาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษคือ ระบบล็อกอัจฉริยะทำงานผ่านแอพด้วยระบบบลูทูธ เพียงสแกนคิวอาร์โค้ดบนจักรยานก็สามารถปลดล็อกได้ทันที และระบบจีพีเอสช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาและจอดจักรยานได้สะดวก ทั้งนี้ผู้ใช้บริการเพียงดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นโอโฟ่ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานแอพเกือบ 1 ล้านคน สำหรับอัตราค่าบริการ 5 บาท/30 นาที” นายนพพล กล่าว

ปัจจุบันในแต่ละวันมีจำนวนการใช้บริการทั่วโลกสูงถึง 32 ล้านครั้ง/วัน และมีจำนวนการใช้งานรวมแล้วกว่า 5,000 ล้านครั้ง รวมระยะการเดินทางสะสม 1,200 ล้านกิโลเมตร ลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 84 ล้านลิตร

ทั้งนี้ จากกระแสตอบรับที่ดีในพื้นที่ปิดทำให้บริษัทเร่งขยายออกสู่พื้นที่เปิดมากขึ้น เชื่อว่าดีมานด์ผู้ใช้จักรยานมีมากในหลายๆ พื้นที่เพราะเทรนด์นี้เป็นที่นิยมของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยบริษัทตั้งเป้ามีผู้ใช้บริการ 10% ของประชากรในอนาคต