ยัมฯขายเคเอฟซี130สาขา

ยัม เรสเทอรองตส์ ปรับโมเดลธุรกิจ ลดการลงทุน ขายสาขาเปลี่ยนใช้แฟรนไชซีขยายธุรกิจ

นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไป เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทจะมุ่งปรับตัวสู่การเป็นแฟรนไชซอร์ หรือเป็นผู้ทำตลาดและสร้างนวัตกรรมใหม่ ทำให้แผนการลงทุน 3,000-6,000 ล้านบาท/ปี เพื่อขยายสาขา 35-40 สาขา/ปี จะลดงบลง โดยตัดสินใจขายสาขา เคเอฟซีให้กับบริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ (อาร์ดีซีแอล) ราว 130 สาขา แบ่งเป็น ภาคใต้ 50% กรุงเทพฯ 50% จะเริ่มมีผลทางการปลายปีนี้

ทั้งนี้ การขายแฟรนไชส์ให้อาร์ดีซีแอล เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทต้องการขยายสาขาอย่างรวดเร็วในปี 2563 เพิ่มจาก 585 สาขา เป็น 800 สาขา ด้วยการให้ผู้ถือสิทธิแฟรนไชส์เป็นผู้ขยายสาขาเอง โดยเป็นโมเดลที่ใช้สร้างการเติบโตในอังกฤษ รัสเซีย ออสเตรเลียมาแล้ว และการตัดสินใจขาย 130 สาขาดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากธุรกิจบริการอาหารจานด่วนมูลค่า 6 หมื่นล้านบาทไม่เติบโต เพราะยอดขายเคเอฟซียังอยู่ที่ 3.5แสนมื้อ/วัน เติบโตมากกว่าตลาด และยังเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 65%

สำหรับทิศทางการขยายสาขานั้น บริษัทจะเป็นผู้กำหนดยุทธศาสตร์แฟรนไชซีทั้งในส่วนของอาร์ดีซีแอลและบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ปหรือซีอาร์จี เพื่อป้องกันการแย่งตลาดกันเอง โดยอาร์ดี ซีแอล ตั้งเป้า 4 ปีจะเปิดเพิ่มอีก 100 สาขา ส่วนซีอาร์จีจะยึดพื้นที่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และโรบินสัน และยังสามารถขยายสาขาสแตนอะโลนได้ จากปัจจุบันที่มี 217 สาขา

ขณะที่บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ จดทะเบียนไทยเต็มรูปแบบ เป็นการร่วมทุนของผู้ลงทุนทั้งในไทยและอาเซียน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะผู้บริหารนำโดยกองทุนอาเซียนอินดัสเตรียลโกรทฟันด์ หรือเอไอจีเอฟ สนับสนุนโดยบริษัท มิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาญี่ปุ่น หากมีการซื้อขายกิจการในอนาคต ต้องแจ้งให้บริษัทเป็นผู้อนุมัติก่อน

นายแอนดรูว์ นอร์ตัน ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทำในธุรกิจอาหารบริหารจานด่วน เคยทำงานที่ ยัม เรสเทอรองตส์ และพิซซ่าฮัท กว่า 13 ปีในออสเตรเลียและไทย

แหล่งข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี สนใจซื้อเคเอฟซีเพื่อต่อยอดธุรกิจอาหารเช่นกัน