posttoday

ตร.นครพนมออกหมายเรียก7ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งความเท็จคดีครูจอมทรัพย์

20 พฤศจิกายน 2560

ตำรวจนครพนมเตรียมออกหมายเรียก 7 ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งความเท็จ คดีครูจอมทรัพย์ให้มารายงานตัว

ตำรวจนครพนมเตรียมออกหมายเรียก 7 ผู้ถูกกล่าวหาแจ้งความเท็จ คดีครูจอมทรัพย์ให้มารายงานตัว

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. พล.ต.ต.สุวิชาญ  ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม  เปิดเผยว่า ความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีกับขบวนการสร้างหลักฐานเท็จและรับผิดแทนในคดีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครู ขณะนี้ตำรวจนครพนม ได้ตั้งคณะทำงาน เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยจะใช้สำนวนคำให้การในการเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม มาเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดี 

เบื้องต้นได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว ในพื้นที่ 3 โรงพัก มี สภ.เมืองนครพนม สภ.เรณูนคร  และ สภ.นาโดน ซึ่งได้แจ้งความกล่าวหาดำเนินคดี กับกลุ่มขบวนการสร้างพยานเท็จแล้ว รวม 7 ราย  มี  1.นายสุริยา  นวลเจริญ  อายุ 54 ปี  เพื่อนของครูจอมทรัพย์ และเป็นบุคคลสำคัญที่มีหลักฐานว่า เป็นคนจัดตั้งขบวนการรับจ้างทำผิดในคดีครูจอมทรัพย์ 2. นายสับ วาปี อายุ 61  ปี  ถือเป็นพยานปากสำคัญของครูจอมทรัพย์ เนื่องจากเป็นบุคคนที่เคยมาให้การกับตำรวจ รวมถึงเบิกความต่อศาลว่าเป็นคนขับตัวจริง  3. นางจัน  วาปี อายุ 59 ปี  ที่เป็นภรรยานายสับ วาปี 4. นายบุญเทิง วาปี อายุ 63 ปี  5. นายเลิศ วาปี อายุ 66 ปี 6. นายรัน  โทนแก้ว  อายุ อายุ 60 ปี เป็นญาตินายสับวาปี  และคนที่ 7 คือ  นางทัศนีย์  หาญพยัคฆ์ อายุ 61  ปี ถือเป็นพยานปากสำคัญ ที่ออกมายืนยันกับตำรวจ และเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ว่า อยู่ในเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุและเห็นว่า คนขับรถยนต์ชนเป็นชาย ที่ลงมาดูผู้เสียชีวิตก่อนขับรถหนีไป  ซึ่งรวมมีการแจ้งความดำเนินคดี ไว้ก่อน 7 ราย 

ส่วนข้อหาที่แจ้งความคือ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ตามกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 267  มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  ซึ่งจะได้มีการออกหมายเรียกไปยังผู้ถูกกล่าวหา  หากไม่มารายงานตัวตามกำหนดจะต้องออกหมายจับต่อไป  แต่หากมาพบพนักงานสอบสวนจะมีการสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา ถ้ารับสารภาพจะมีการ ทำสำนวนส่งฟ้องศาลดำเนินคดี ภายใน 48 ชั่วโมง

สำหรับแนวทางในการดำเนินคดี หากผู้ถูกกล่าวหา ทั้งหมด มีการซัดทอด ถึงบุคคลใด หรือ มีการตรวจสอบ เอกสารหลักฐาน คำให้การกับทางตำรวจ ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน รวมถึงการเบิกความต่อศาล ที่เข้าข่ายเป็นเท็จ รวมถึงเชื่อมโยงไปว่า เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย จะต้องมีการดำเนินคดีทุกราย  รวมถึงตัวครูจอมทรัพย์ ด้วย จะต้องรอการสอบสวน  แต่บุคคลสำคัญ ที่มีพยานหลักฐานชัดเจน คือ นายสุริยา อยู่ระหว่างการออกหมายเรียก มาแจ้งข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตามในการดำเนินคดี ขอยืนยันว่า ตำรวจได้ ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และมีพยานหลักฐาน เอกสาร ที่ชัดเจน ให้ความเป็นธรรมที่สุด  ซึ่งจะต้องรอดูว่า บุคคลเหล่านี้ จะมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนหรือไม่ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป