อนุรัตน์ โค้วคาสัยเปิดสูตรบริหารที่ประสบความสำเร็จ

เขาทำงานที่บริษัท เดอะยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท พรานทะเล มาเกือบ 25 ปี

โดย..อณุศรา ทองอุไร ภาพ ไม่มีเครดิต

เขาทำงานที่บริษัท เดอะยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท พรานทะเล มาเกือบ 25 ปี อนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ปฏิบัติการบัญชีและการเงิน

เขาบอกว่าเขาทำงานที่นี่มานานจนรู้สึกว่าผูกพันจนเป็นเหมือนบริษัทของตัวเอง เขาจึงทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ ตั้งแต่มีพนักงานเพียง 200 คน จนปัจจุบันนี้มีพนักงาน 8,000 คน จากที่เคยมียอดขายเพียง 200 ล้านบาท จนเพิ่มเป็น 1.1 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นซีอีโอมืออาชีพจริงๆ เขารับผิดชอบด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศ การเงิน รวมถึงเรื่องการผลิตและ HR

ด้านการศึกษาเขาจบคณะวิศวกรรมศาสตร์ ด้านเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ แล้วไปเรียนเพิ่มเติมทางด้านเอ็มบีเอ ก็เลยได้ความรู้เรื่องการตลาดเพิ่มมากขึ้น เขาเล่าว่าการทำงานที่นี่ก็เห็นความเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ และบริษัทก็เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นเช่นกัน จนถึงวันนี้บริษัทของเขาถือว่าเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง จนมีลูกค้าที่เข้มแข็งในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยเล่าถึงการบริหารงานที่ประสบความสำเร็จให้ฟังว่า

1.สร้างความเข้มแข็งด้วยการมีแบรนด์ของตัวเอง...

จากเดิมที่เป็นผู้ส่งออกแบบ OEM คือ รับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ของลูกค้า แม้จะมียอดขายที่ดีจนผลิตเพื่อส่งออกแทบไม่ทัน แต่ระยะยาวแล้วจะไม่มั่นคงถ้าเราไม่มีแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ เขาจึงได้ริเริ่มสร้างแบรนด์ของตนเอง ในชื่อพรานทะเลให้เป็นที่ยอมรับและสามารถขายในประเทศเราเองได้ หากทำแต่ส่งออกในแบรนด์ของลูกค้าเราจะไม่สามารถขายในประเทศได้ ซึ่งจากการที่บริษัทโตจากการส่งออกมานานกว่า 20 ปี ก็มีข้อดี คือ ทำให้ได้รู้ว่าตลาดต่างประเทศเขามีการทำตลาดกันอย่างไร ลักษณะสินค้าที่เขาต้องการเป็นอย่างไร จากข้อมูลตรงนี้ทำให้ทราบว่าต่างประเทศเขานิยมอาหารแช่แข็งพร้อมปรุงที่เรียกว่า เรดดีทูอีต Ready to Eat กันมาก เราจึงเอาไลฟ์สไตล์การกินอยู่แบบนั้นมาเปิดตลาดอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปพร้อมรับประทานในประเทศ ซึ่งเราถือว่าเป็นรายแรกที่ทำอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งพร้อมรับประทานในชื่อพรานทะเล ที่สะดวกและประหยัดเวลายิ่งขึ้น และเมื่อเราสร้างแบรนด์จนเข้มแข็งอนาคตเราก็จะส่งออกด้วยแบรนด์พรานทะเลเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มต้นแล้วที่ฮ่องกง และญี่ปุ่น

แต่ก็มีข้อเสียเล็กน้อยที่บริษัทอาจจะเสียโอกาสในการทำตลาดในประเทศ แต่โชคดีว่าตอนนั้นตลาดในประเทศก็ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวมากนัก ยังไม่ค่อยมีใครคิดอะไรใหม่ๆ ออกมาในตลาดอาหารทะเลแบบแช่แข็ง พอบริษัทมีแบรนด์พรานทะเลขึ้นมาก็สามารถครองตลาดส่วนนี้ไว้ได้เป็นอันดับ 1 เพราะถ้าคิดถึงอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทานก็ต้องนึกถึงพรานทะเล

2.ทำตลาด 360 องศา...

คือ การทำตลาดให้ครบวงจรรอบด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของการทำตลาดและประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาทางโทรทัศน์ แมกกาซีน วิทยุ หนังสือพิมพ์ บิลบอร์ด และถือเป็นบริษัทที่ทำอีเวนต์อย่างจริงจังและต่อเนื่องตามห้างสรรพสินค้าและย่านสำนักงาน โรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก

3.มีสินค้าที่หลากหลาย...

มีสินค้าใหม่ๆ ออกมาเสมอ เพื่อตอบทุกความต้องการของทุกเพศทุกวัยในครอบครัว เช่น จากการสำรวจคนไทยไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าเพราะไม่มีเวลา ทางบริษัทก็ออกข้าวต้มพร้อมรับประทาน หรือเกี๊ยวกุ้ง เพียงอุ่นแค่ 35 นาที ก็รับประทานได้ทันที สามารถซื้อเก็บไว้ในตู้เย็นสะดวกรับประทานเมื่อใดก็หยิบมาอุ่น ที่สำคัญสินค้าต้องใหม่ สด สะอาด มีคุณภาพสมราคา “ของเรามีอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานครบ 3 มื้อ กลางวันก็เป็นพวกข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดปู ส่วนตอนเย็นเป็นกับข้าว หากคุณรีบด่วนเรามีให้ครบ แค่มีอาหารของเราอยู่ในตู้เย็นก็พร้อมรับประทานได้ทุกมื้อตลอดเวลา”

4.ออกสินค้าให้ตรงกับกระแสโลก...

โดยเฉพาะกระแสลดโลกร้อน และเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ต้องคำนึงในเรื่องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ จึงมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ่งได้ทั้งคุณภาพและมีความหลากหลายแล้ว ในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เริ่มปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ของข้าวต้มพรานทะเลและพรานไพร ให้กลายมาเป็นข้าวต้มลดโลกร้อน เป็นนวัตกรรมอาหารแช่แข็งเพื่อสุขภาพสายพันธุ์ใหม่ที่มีหัวใจสีเขียว ให้ผู้บริโภครุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมได้ง่ายๆ ผ่านการเลือกบริโภคในชีวิตประจำวัน และเป็นการบริโภคสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และจากการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ในครั้งนี้ จะช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกลงได้ 65% หรือประมาณ 63 ตัน/ปี

5.ต้องบริหารงานให้มีความยืดหยุ่นอยู่เสมอ...

เพราะโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน ดังนั้นต้องบริหารงานให้ยืดหยุ่น มีแผนสองเตรียมรองรับหากแผนแรกไม่ได้ผล หรือในกรณีมีเรื่องไม่คาดคิดก็ต้องมีแผนฉุกเฉินไว้สำรอง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับงาน รวมทั้งทำตลาดให้หลากหลายไม่ผูกมัดกับตลาดใดเพียงตลาดเดียว ความสำเร็จในวันวาน พรุ่งนี้อาจจะใช้ไม่ได้ผล จึงต้องมีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ผู้บริหารที่ดีต้องทันเหตุการณ์ ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ ให้ความสำคัญทั้งภาพเล็กและภาพกว้าง จะได้ไม่ตกยุค

6.เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า...

หลังจากที่บริษัทดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 30 ปี มีความพร้อมและมั่นคงในการทำธุรกิจทั้งการผลิต การตลาด ทั้งในและต่างประเทศ มียอดขายรวมเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาท/ปี มีแบรนด์ของตนเองและการผลิตส่งออกภายใต้แบรนด์ของลูกค้า ถือว่ามีความครบวงจร ก็ถึงเวลาที่ควรจะสร้างความแข็งแรงและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย