สู่ความพ้นจากวิกฤตด้วยอำนาจแห่งธรรมะ...ในวิถีพุทธ (ตอน ๒)
ปุจฉา : “วิกฤตการณ์ของสังคม ความแปรผันของธรรมชาติ อำนาจภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมโลก
ปุจฉา : “วิกฤตการณ์ของสังคม ความแปรผันของธรรมชาติ อำนาจภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมโลก
โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส
ปุจฉา : “วิกฤตการณ์ของสังคม ความแปรผันของธรรมชาติ อำนาจภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมโลก มีอะไรเป็นเหตุปัจจัย... มนุษย์ สัตว์ทั้งหลาย จะข้ามพ้นวิกฤตการณ์ได้หรือไม่... และจะข้ามพ้นด้วยอุบายวิธีใด...กราบเรียนถามพระอาจารย์เพื่อประโยชน์แห่งผู้มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา...”
กราบนมัสการด้วยความเคารพค่ะ
อภิญญา แจ้งอริยวงศ์
วิสัชนา : จะต้องอดทนอดกลั้น และมีการพัฒนาการทางความสำนึกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการนำออกซึ่งอกุศลกิเลสทั้งปวง จึงเป็นธรรมดาที่พระพุทธศาสนาจะต้องจัดวางการศึกษาปฏิบัติในขั้นที่ ๒ ไว้ต่อเนื่องจากขั้นแรก โดยการพัฒนาการสร้างความเข้มแข็งของ “สติปัญญา” ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อการพัฒนาการของชีวิตไปในทางประเสริฐอย่างต่อเนื่อง และแน่วแน่สู่จุดหมายปลายทางที่สุด คือ ความประเสริฐสุด อันได้แก่ “ความบริสุทธิ์ของจิตใจ”
การอบรมจิตตภาวนา หรือการปฏิบัติธรรมในขั้นการพัฒนาจิต ที่เรียกว่า การเจริญสมาธิภาวนา จึงเกิดขึ้นเป็นมรรคแห่งความสืบเนื่องของการเดินทางของจิตไปสู่จุดหมาย ในขั้นตอนดังกล่าวนี้เป็นเรื่องประณีต ละเอียด แยบคาย ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความพร้อมที่จะอ่านจิตตนเองให้ออก บอกจิตตนเองให้ได้ เพื่อใช้จิตตนเองให้เป็นประโยชน์ เพื่อที่สุดคือปัญญา ที่เกิดจากญาณทัสสนะวิสุทธิ เพราะฉะนั้นเราจึงพบเห็นพุทธบริษัทในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะพระสงฆ์มุ่งเน้นการเจริญสมาธิ หรือ ปฏิบัติพระกรรมฐานตามหลักสมถวิปัสสนา กันเป็นปกติ จนเข้าใจว่าการนั่งหลับตาเจริญสมาธิ คือ สัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ซึ่งก็ไม่ผิดที่เข้าใจเช่นนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะถูกต้องทีเดียว หากจะต้องพิจารณาตอบอย่างแจกแจงโดยละเอียด!! ทั้งนี้เพราะเมื่อคำนึงถึงจุดมุ่งหมาย หรือเป้าประสงค์ของการเรียนรู้ในพระพุทธศาสนาแล้วนั้น ก็จะเข้าใจทันทีว่า “แท้ที่จริงหลักธรรมทั้งปวงนั้น เป็นอุบายนำจิตไปสู่ความบริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงพุทธภาวะแห่งจิตนั้นเป็นส่วนเดียวตามประสงค์...” จึงไม่แปลกที่จะมีการสอนด้วยวิธีการปฏิบัตินานาวิธี หรือหลากหลายพระกรรมฐาน มากไปด้วยหลักธรรมคำสั่งสอน ทั้งนี้เพื่อให้ถูกกับจริตของสัตว์ทั้งหลาย หรือ เพื่อให้ถูกจิต หรือเพื่อให้ถูกโรคของจิต เพื่อแก้ไขขจัดโรคร้ายที่คุกคาม ควบคุมจิตดวงนั้นอยู่ เพื่อให้มืดมัวเมามายไปตามวิถีแห่งโรคนั้น อันให้ผล คือ ความทุกข์เป็นปกติ...
การศึกษาปฏิบัติ หรือการเรียนรู้ในพระพุทธศาสนา จึงเป็นการเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลง (To Learn To Change) อันเป็นไปตามแบบแผนอย่างมีทิศทางและจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่วางไว้ตรงจุด ชัดเจนว่า “สิ่งที่ต้องรู้ คือ ความทุกข์...และสิ่งที่ต้องปฏิบัติคือ การเข้าถึงความดับทุกข์” โดยสรุปของพระพุทธศาสนาจึงสอนอยู่ ๒ เรื่อง คือ ทุกข์ กับ ความดับทุกข์ ใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ โดยมุ่งสรุปผลการเรียนรู้อยู่ที่การเข้าใจแจ่มแจ้ง
อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้


