posttoday

การกลับมาของแฟชั่นเครื่องประดับผมการกำเนิดของเครื่องประดับผม

06 เมษายน 2554

ยังไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคใดกันแน่ แต่ในทางประวัติศาสตร์แล้วนั้น

ยังไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคใดกันแน่ แต่ในทางประวัติศาสตร์แล้วนั้น

มีการพบอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดการทรงผมให้เรียบร้อย อุปกรณ์การทำผมสุดฮิตอยู่สิ่งหนึ่ง ซึ่งถือว่าไม่ว่าชนชาติใดต่างก็มีสิ่งนี้ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของตนแทบทุกชนชาติ สิ่งนั้นก็คือ ปิ่นปักผม ซึ่งจะเห็นได้จากการค้นพบหลักฐานที่ว่าผู้หญิงกรีกและโรมันใช้ปิ่นปักผมลักษณะเหมือนเข็มด้ามตรงยาวเป็นเครื่องประดับ รูปร่างของปิ่นปักผมนี้ถอดแบบมาจากกระดูกสันหลังของสัตว์และไม้มีหนาม ซึ่งคนยุคดั้งเดิมใช้เหน็บผม และพวกชนเผ่าต่างๆ ในยุคปัจจุบันก็ยังคงใช้อยู่เช่นกัน

 

การกลับมาของแฟชั่นเครื่องประดับผมการกำเนิดของเครื่องประดับผม

ในเอเชียก็มีการขุดค้นในสุสานโบราณมากมาย นักโบราณคดีขุดค้นพบปิ่นปักผมเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่ทำขึ้นจากกระดูก เหล็ก สำริด เงิน และทอง บางอันเรียบ บางอันสลักลวดลาย แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ปิ่นปักผมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ารูปทรงของปิ่นปักผมไม่เปลี่ยนแปลงเลยในช่วงเวลานับหมื่นปี หรือเห็นได้จากละคร สารคดีต่างๆ ที่แสดงการแต่งกายของวัฒนธรรมต่างๆ ในเอเชีย จะสังเกตได้ว่าอารยธรรมเก่าแก่ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งชาวไทยเอง ต่างก็มีปิ่นปักผมที่แสดงออกลักษณะของเชื้อชาติและวัฒนธรรมของเราอยู่มากมาย

หลังจากนั้นปิ่นปักผมตรงยาวก็ได้วิวัฒนาการมาเป็นกิ๊บติดผมรูปตัวยูในช่วงเวลาสองศตวรรษ ในช่วงแฟชั่นสวมวิกในศาลฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่ 17 ทำให้คนจำเป็นต้องตัดผมสั้นหรือไม่ก็เก็บผมให้ติดกับศีรษะมากที่สุด ด้วยเหตุนี้กิ๊บติดผมจึงกำเนิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่สองประการ คือ หนึ่งตรึงวิกไม่ให้หลุดจากศีรษะ และสองเก็บผมให้เรียบร้อยดูดีเมื่อถอดวิกออก เมื่อกิ๊บตัวเล็กสองขาทำจากลวดเหล็กชุบสีดำ ถูกผลิตขึ้นมาอย่างเป็นล่ำเป็นสันในศตวรรษที่ 19 กิ๊บดำนี้ก็ทำให้ปิ่นปักผมกลายเป็นของล้าสมัยไปเลยตั้งแต่นั้นมา

แต่แม้ว่าปิ่นปักผมจะค่อยๆ เลือนหายไปก็ตามแต่ก็มีเครื่องประดับผมแบบใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ อย่างที่เห็นก็อาทิ กิ๊บติดผม แต่นอกเหนือจากนั้นก็มีอีกมากมาย อย่างที่ในวันนี้เราได้นำมาให้ทราบจากเหตุผลและประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเห็นได้ว่าปิ่นปักผมเป็นเครื่องประดับในยุคแรกๆ ที่เรานำมาใช้ตกแต่งทรงผม แต่นอกเหนือจากปิ่นแล้ว การใช้เครื่องประดับผมแบบอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 17 19 ที่มีการเขียนบันทึกไว้นั้นจะเห็นได้มากในยุคศตวรรษที่ 18 ในประเทศแถบยุโรป อันได้แก่ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส สก๊อตแลนด์ เดนมาร์ก ซึ่งเราอาจเคยเห็นผ่านภาพยนตร์ย้อนยุคต่างๆ ที่ผู้คนในสมัยนั้นต่างนิยมทำผมทรงสูง และสวมใส่วิกกันเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะบุคคลในแวดวงชั้นสูง ไม่เฉพาะแต่การสวมวิกในศาลฝรั่งเศสเท่านั้น แฟชั่นนี้ก็แพร่กระจายเข้ามาสู่ทั่วทุกมุมของทวีปยุโรปอีกด้วย การสวมวิกต่างๆ นอกจะเป็นการแบ่งชนชั้นทางสังคมแล้วนั้น การตกแต่งที่ทำให้ทรงผมของแต่ละคนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น สวยงาม และมีเสน่ห์ต่อผู้พบเห็นก็เป็นเรื่องที่คนในยุคนั้นต่างคิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ประดอย หยิบนั่นผสมนี่ จนกลายเป็นเครื่องประดับมากมายที่ใช้ตกแต่งศีรษะและเรือนผม อาทิ มงกุฎ เทียร่า รัดเกล้า ผ้าพันผม ปิ่นปักผม รวมทั้งหวีที่ใช้ตกแต่งผม (หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่าหวีสับ เนื่องจากใช้สับบนลอนผมที่ตกแต่งไว้แล้ว) รวมทั้งการสวมหมวกที่ประดับประดาด้วยเครื่องเพชร หรือขนนกอีกด้วย

เครื่องประดับผมในยุคแรกๆ นั้นก็ทำอย่างง่ายๆ จากวัตถุดิบที่หาง่ายทั่วไปอย่างขนนก ดอกไม้ และเริ่มที่จะนำอัญมณีเข้ามาใช้ ซึ่งส่วนมากหากเป็นเครื่องประดับของชนชั้นสูงนั้นจะนิยมใช้เพชรเป็นหลักและเสริมความงามด้วยไข่มุกเม็ดเล็กๆ ให้ดูอ่อนหวาน และรูปทรงส่วนใหญ่ของเครื่องประดับก็จะเลียนแบบมาจากธรรมชาติ โดยมากจะเป็นดอกไม้หรือเถาวัลย์ ซึ่งสีสันของอัญมณีที่นำมาใช้ หรือชื่อของดอกไม้ที่นำมานั้นต่างมีความหมายแฝงอยู่ภายในอีกด้วย

แฟชั่นเครื่องประดับผม โดยเฉพาะการใช้กิ๊บ หรือที่ติดผมขนาดใหญ่ค่อยๆ ซาลงไปพร้อมๆ กับแฟชั่นทรงผมสั้นที่มาแรงแทนในยุคหลังๆ การใช้ที่คาดผม ผ้าคาดผม กิ๊บ หรือหวีประดับค่อยๆ จางหายไป มีบางคนที่ยังชื่นชอบและใช้กันบ้างแต่ไม่ได้แพร่หลายเช่นแต่ก่อนที่เรียกว่ามองไปทางใดก็จะพบกับเครื่องประดับเหล่านี้ได้แทบจะทุกที่

แต่ในขณะนี้แฟชั่นเครื่องประดับผมกลับมาได้รับความสนใจกันอีกครั้ง เห็นจากการที่ดารา เซเลบริตีมากมายต่างใช้กันอย่างมาก เช่นการใช้ที่ติดผมขนาดใหญ่ ที่คาดผมอันใหญ่ไซส์ XL แต่ที่แตกต่างและโดดเด่นจากแต่ก่อน คือการนำดอกไม้ขนาดใหญ่สีสดๆ มาผสมผสานอย่างลงตัว พร้อมกันนี้ยังมีการออกแบบให้เหมาะกับสาวๆ ในแต่ละสไตล์อีกด้วย

 

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!