posttoday

ธรรมดาดั่งทอง

25 มกราคม 2553

ตัวละครเหล่านี้ แม้ปลุกปั้นจนคล้ายเกินความเป็นจริง แต่แก่นในล้วนเป็นภาพสะท้อนบุคลิกภาพของมนุษย์อย่างแท้จริง....

ตัวละครเหล่านี้ แม้ปลุกปั้นจนคล้ายเกินความเป็นจริง แต่แก่นในล้วนเป็นภาพสะท้อนบุคลิกภาพของมนุษย์อย่างแท้จริง....

โดย...กรกิจ ดิษฐาน

เรา ผม และนักแรมทางนิรนาม ติดตามพญาเหยี่ยวแผ่ปีกร่อนถลาลมหนาวสะท้านกลางฟ้าสีครามเข้มของฤดูหนาว ดั้นด้นไปตามเส้นทางสู่ยอดดอยสูงของภาคเหนือ ยานพาหนะพาเราลัดเลาะตามไหล่ผาโค้งแล้วโค้งเล่า ภาพทัศน์แปรเปลี่ยนนาทีต่อนาที จากท้องทุ่งนาขั้นบันไดรกร้างเฝ้ารอฤดูเพาะปลูก สู่ราวป่าเบญจพรรณผลัดใบหลากสีร่วงพรู จนถึงยอดภูดอยสูงสล้างประดับไว้ด้วยสวนไม้ดอกไม้พันธุ์ท้อผลิบานสลับทิวสนตระหง่าน

บรรยากาศชวนให้ระลึกถึงบางขณะริมทะเลสาบฉุ่ยหู ใจกลางนครคุนหมิง แม้นว่าโดยรอบทะเลสาบแห่งนั้นจะประดับไว้ด้วยต้นหลิว หาใช่ทิวสนโดยรอบ

นักแรมทางนิรนามบนหินก้อนใหญ่ใกล้จุดสูงสุดของดอย ยังเฝ้ามองเหยี่ยวตัวนั้นเนิ่นนาน ในเงาสนและระรวยกลิ่นร่ำดอกพญาเสือโคร่ง เขากลับไม่มีบันทึกการเดินสู่แผ่นดินจีน ซุกซ่อนในความทรงจำเหมือนกับผม แต่พญาเหยี่ยวกลางสายลมหนาวชวนให้เขานึกถึงฉากหนึ่งของนวนิยายกำลังภายใน “วีรบุรุษยิงอินทรี” หรือ “มังกรหยก” ในการรับรู้ของผู้อ่านชาวไทย

ธรรมดาดั่งทอง

เขารำพึงถึงฉากท้ายเรื่อง คราที่ก๊วยเจ๋ง “วีรบุรุษยิงอินทรี” รุดไปพบกับเจงกิสข่านในช่วงบั้นปลายของชีวิต ทั้งคู่ควบม้าเหยาะไปตามท้องทุ่งสุดลูกหูลูกตา คงคลับคล้ายกับทะเลหญ้าเหนือดอยในวันนี้ เบื้องบนปรากฏพญาเหยี่ยวคู่หนึ่งสยายปีกท้าทายเจงกิสข่านผู้พิชิตสิบทิศ ท่านข่านไม่อาจระงับความ พลุ่งพล่าน ฉวยเอาเกาทัณฑ์ขึ้นเล็งหมายเด็ดสอยพญาเหยี่ยวคู่ แต่แรงเหนี่ยวเกาทัณฑ์ของท่านข่านชราไร้พลังเสียแล้ว ไม่อาจสังหารวิหคป่าด้วยเรี่ยวแรงเหมือนในวัยฉกรรจ์ ครั้งนั้นเพียงเล็งอาวุธคราเดียวสังหารนับร้อยนับพัน

เจงกิสข่านพลันตระหนักถึงความไม่จีรังของชีวิต คิดเสาะหาเคล็ดวิชายืดอายุให้ยาวนาน หวังปกครองแผ่นดินที่พิชิตมาได้ไปชั่วกัลปาวสาน แต่กลับถูกก๊วยเจ๋งทัดทานอย่างอาจหาญ เอ่ยถามว่า หากท่านข่านสิ้นชีพไป ไม่เพียงแผ่นดินสุดหล้าฟ้าเขียวไม่อาจพกติดตัวไปปรภพได้ แต่กลับยังเหลือที่ฝังร่างเพียงเท่าเงาของตัว!

วันนี้เหยี่ยวยังคงล้อเล่นกับสายลม มันจะเป็นลูกหลานของเหยี่ยวตัวนั้นที่เคยท้าทายเจงกิสข่านในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่หรือไม่ ไม่มีใครล่วงรู้ได้ รู้เพียงเจงกิสข่านดับสูญไปนานหลายร้อยปี แต่โลกไม่เคยหมดสิ้นคนทะเยอทะยานเยี่ยงท่านข่านผู้นั้น

คำเปรยของนักแรมทางนิรนามชวนให้ขบคิดไม่น้อย และความคิดเห็นของเขาไม่แตกต่างจากหลายบรรทัดจากปลายปากกาของ “กิมย้ง” ผู้เสกสรรฉากการสนทนาระหว่างก๊วยเจ๋งและเจงกิสข่าน นิยาย ของเขาล้วนแต่แฝงนัยความคิดเช่นนี้อยู่หลายเรื่อง

รำพึงของผู้แรมทางช่วยให้ช่วงเวลาท่ามกลางความเวิ้งว้างบนความสูงพันกว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเลไม่เงียบเหงาเกินไปนัก หลายชั่วโมงบนยอดดอยวันนั้น เราจึงสนทนาถึงความโอฬารพันลึกของกิมย้ง นามปากกาของนักเขียนนามอุโฆษ จาเลี้ยงย้ง ในความถ่อมตนอย่างทระนงว่า “ธรรมดาดั่งทอง”

กิมย้ง สร้างสรรค์ตัวละครนับร้อยนับพัน บ้างมีบุคลิกด้านเดียว บ้างมีบุคลิกแพรวพราวหลายมิติ บางตัวละครฉลาดหลักแหลม บางตัวละครโง่งมงาย แต่บางครั้งคนโง่งมงายกลับฉลาดปราดเปรื่อง ส่วนผู้ทรงภูมิกลับหูหนวกตาบอดหลายต่อหลายครา ตัวละครบางเรื่ององอาจกล้าหาญ แต่หัวใจกลับถูกความรักเผาไม้จนหลอมละลายจนอ่อนแอ บางคนงดงามหยดย้อยแต่จิตใจกลับฟอนเฟะ บางคนประกาศตัวเป็นวิญญูชน สุดท้ายถูกกระชากหน้ากาก กลายเป็นเพียงคนจอมปลอม

แม้จะมีหลายตัวละครหลายบุคลิกในป่าอักษรแห่งกิมย้ง แต่กับตัวละครที่ชวนให้นึกถึงกลับมีเพียงหยิบมือ ตัวละครเหล่านี้ แม้ปลุกปั้นจนคล้ายเกินความเป็นจริง แต่แก่นในล้วนเป็นภาพสะท้อนบุคลิกภาพของมนุษย์อย่างแท้จริง

ก๊วยเจ๋ง ยึดมั่นคุณธรรมซื่อสัตย์ไม่ยืดหยุ่น เอี้ยก้วย ไม่ยี่หระกฎเกณฑ์สังคมชูความรักเป็นยอดคุณธรรม เตียบ่อกี้ จิตใจสับสนลังเลจากต้นจนถึงปลาย เหล็งฮู้ชง ยิ้มเยาะการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ธำรงตนไม่ยึดติดแต่กลับเป็นวีรชนที่แท้ ตรงข้ามกับอุ้ยเสี่ยวป้อ รู้เพียงการหลบหลีกเอาตัวรอด แต่วิชาเอาตัวรอดคือสุดยอดของวิชา ไม่เฉพาะอุ้ยเสี่ยวป้อ แต่กับมนุษย์ทุกคน!

สำหรับนักแรมทางนิรนาม เขาไม่เสแสร้งคิดสวมรอยจอมยุทธเหล็งฮู้ชง แต่ปณิธานของเขาคล้ายคลึงกับตัวละครตัวนี้ เขาปลดปล่อยตัวเองให้อิสระ รังเกียจความอยุติธรรม รู้จักแสวงหาความสุขมาปรนเปรอชีวิต และรู้จักเผชิญความอาดูรของชีวิตอย่างกล้าหาญ

นักแรมทางไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่ซุกซ่อนภาพสะท้อนของตัวละครในนิยายของกิมย้ง เพียงแต่พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นตัวละครที่มีชีวิตจริงทั้งสิ้น

เส้นทางของการค้นหาจุดหมายบนทางหลวงสายเหนือ เราพบพานความห้าวหาญและรันทดของผู้พิทักษ์ป่าแห่งภาคเหนือ ชีวิตเพื่ออุทิศให้กับสมบัติของชาติที่มีชีวิตไม่แตกต่างจากเรื่องราวความเสียสละของ โอ้วฮุย แห่ง “จิ้งจอกอหังการ”

ที่เพิงร้านอาหารริมทาง เราแอบได้ยินคำสนทนา รื่นเริงซ่อนน้ำเสียงขมขื่น เด็กหนุ่ม 2 คนหลงใหลดอกฟ้าช่อเดียวกัน ได้แต่พรรณนาอวดความรักของตนอย่างงมงาย ราวกับสะท้อนฉากวิจารณ์ความรักของ 2 ตัวเอกผู้โง่งม ตวนอื้อกับหลวงจีนฮือเต็ก แห่ง “8 เทพอสูรมังกรฟ้า”

เด็กสาวคนหนึ่งในเมืองสุดท้ายก่อนถึงพรมแดนประเทศเพื่อนบ้าน ยินยอมให้ผู้คนซื้อหาพรหมจารีราวกับเป็นเพียงสินค้า เพียงเพื่อหวังมีรายได้เจือจานพ่อแม่ในหมู่บ้านยากไร้ ความกตัญญูที่แลกมาด้วยชะตากรรมขมขื่นไม่ผิดอะไรกับ เล้งซึ่งฮัง แห่ง “หลั่งเลือดมังกร”

เรื่องราวของสหายคู่ตรงข้ามทางการเมือง ฝ่ายหนึ่งอุดมการณ์ร้อนแรงกลับถูกตราหน้าไม่ต่างจากพรรคมาร อีกฝ่ายเสนอตนเป็นผู้กอบกู้บ้านเมืองบนความวอดวาย แต่ระหว่างคบหาสหายทั้งคู่ทิ้งการเมืองไว้เบื้องหลัง มิตรภาพของเขาไม่ต่างจาก เล้าเจี่ยฮวงกับเค็กเอี้ย แห่ง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’

หลายชีวิตในนิยายของกิมย้ง กลับโลดแล่นบนเส้นทางของชีวิตจริง!

แต่ชีวิตไม่ต้องสลักเสลาวิจิตรพิสดารราวกับนิยายลือลั่นของ กิมย้งธรรมดาดั่งทอง เพราะสุดท้ายชีวิตอาจเรียกร้องเพียงความธรรมดาสามัญ เพียงคงเนื้อแท้ของชีวิตสามัญ คือทองคำ เอาไว้ 

เป็นทองเนื้อเก้า หรือทองเนื้อหก ล้วนแต่เราเป็นผู้หล่อหลอมเอง

ข่าวล่าสุด

ยกเครื่องเพื่อไทย เดิมพันคนรุ่นใหม่ ปักหมุดเศรษฐกิจดิจิทัล