posttoday

การถวายมหาสังฆทานในวันเกิด พระพรหมโมลี

30 มกราคม 2554

วันที่ 1 ก.พ. 2554 พระพรหมโมลี (สมศักดิ์) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม จัดถวายมหาสังฆทานแก่พระเถรานุเถระระดับชั้นนำ84รูป

วันที่ 1 ก.พ. 2554 พระพรหมโมลี (สมศักดิ์) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม จัดถวายมหาสังฆทานแก่พระเถรานุเถระระดับชั้นนำ84รูป

โดย...สมาน สุดโต

วันที่ 1 ก.พ. 2554 พระพรหมโมลี (สมศักดิ์) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม จัดถวายมหาสังฆทานแก่พระเถรานุเถระระดับชั้นนำทั่วประเทศ 84 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา และอีก 80 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

เนื่องด้วยวันที่ 1 ก.พ. 2554 ก่อนวันทำบุญวันเกิด 70 ปี พระพรหมโมลี 1 วัน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้อาราธนาเจ้าคณะจังหวัดในฐานะประธานศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดมาประชุมสัมมนา ณ ศาลาอบรมสงฆ์วัดพิชยญาติการาม เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย และร่วมพลังสามัคคีสนับสนุนโครงการเพื่อรักษาพระราชศรัทธาของสมเด็จพระบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
เมื่อเจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศเสร็จกิจกรรมในช่วงเช้าแล้ว พระพรหมโมลีให้จัดพิธีถวายมหาสังฆทานแก่เจ้าคณะจังหวัด เวลา 15.00 น. ในวันเดียวกัน เวลา 16.00 น. จะมีพิธีเททองหล่อพระอรหันต์ 8 ทิศ และในเวลา 17.00 น. คณะอุบาสกอุบาสิกาที่ร่วมเดินทางไปภูฏาน ร่วมกับพระเถระที่เป็นผู้แทนมหาเถรสมาคมเมื่อปี 2553 จะร่วมรับประทานอาหาร

 

การถวายมหาสังฆทานในวันเกิด พระพรหมโมลี พระพรหมโมลี (สมศักดิ์ อุปสโม)

วันที่ 2 ก.พ. ซึ่งเป็นวันเกิดนั้น จะมีพิธีทำบุญตักบาตรในตอนเช้า เลี้ยงพระทั้งเวลาเช้าและเพล จากนั้นมีพิธีทอดผ้าป่าหาทุนสร้างศาลาให้แล้วเสร็จในอีก 6 เดือนข้างหน้า และเพื่อสร้างโรงอาหารสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ประวัติพระพรหมโมลี

ปัจจุบัน “พระพรหมโมลี” (ศ.ดร.สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ.9 Ph.D) อายุ 70 พรรษา 50 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กรุงเทพฯ กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 1

มีนามเดิมว่า สมศักดิ์ ชูมาลัยวงศ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ก.พ. 2484 ณ บ้านเลขที่ 100 หมู่ 2 ต.ปากจั่น อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายเหลี่ยม และนางสำลี ชูมาลัยวงศ์

เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2504 ณ วัดละมุด จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระครูนครวิหารคุณ (ฟัก) วัดบันได เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเมี้ยน วัดละมุด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า อุปสโม

ทั้งๆ ที่ไม่ได้บรรพชาเป็นสามเณรมาก่อน เมื่ออุปสมบทได้เรียนพระปริยัติธรรม สำเร็จชั้นสูงสุดทั้งนักธรรมก็ได้ชั้นเอก บาลีก็ได้เปรียญเอก คือ ป.ธ.9 อันเป็นชั้นสูงสุดในการเรียนบาลี เมื่อไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย จบปริญญาเอก อันเป็นชั้นสูงสุดเช่นกัน จึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากสำหรับพระเถระทั่วๆ ไป

ท่านเคยปรารภให้ฟังว่า ใครที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมคธ รัฐพิหาร ไปได้ ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะที่นั่นมีแต่เรื่องที่สุดทั้งสิ้น ไม่ว่าความร้อน ความหนาว สิ่งแวดล้อม ดังนั้นผู้ที่อยู่ได้ เรียนจบต้องมีความอดทนอย่างที่สุด

ขณะที่เป็นนักศึกษาที่อินเดีย เคยไปทัศนาจรแถวดาร์จีริง รัฐเบงกอล ใกล้ภูเขาหิมาลัย อากาศดี สิ่งแวดล้อมดี วันหนึ่งท่านพบหนังสือของทิเบตเล่มหนึ่งชอบมาก ซื้อมาอ่านและแปล นั่นคือ ธรรมคีตาแสนโศลก ของมิลาเรปะ ครูนักวิปัสสนาของทิเบต แต่เมื่อย้ายจากวัดชนะสงคราม มาเป็นเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามปี 2540 หนังสือเล่มโปรดหายระหว่างขนย้าย ท่านเสียดายมาก เพราะถือว่าท่านมิลาเรปะเป็นเสมือนครูวิปัสสนาคนหนึ่งของท่าน

เมื่อเดือน พ.ค. 2553 ระหว่างที่เป็นผู้แทนมหาเถรสมาคมไปเยือนภูฏาน พระพรหมเมธี หรือสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาส ในปัจจุบัน ซึ่งไปด้วยเห็นหนังสือดังกล่าว ซื้อถวายทันที เพราะทราบว่าพระพรหมโมลีตามหามานาน

เรียนจบจากประเทศอินเดีย กลับเมืองไทยเป็นครูสอนหนังสือและทุ่มเทการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการภาษาบาลี มีผลงานมากมาย ล่าสุดเป็นประธานโครงการจัดทำปทานุกรมพระไตรปิฎกเชิงวิจัย ฉบับบาลี-ไทย เฉลิมพระเกียรติเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งโครงการนี้มหาเถรสมาคมมีมติให้พระพรหมโมลีเป็นประธานโครงการ และบรรจุไว้ในแผนงานพัฒนาของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ปทานุกรมฉบับนี้ เป็นการริเริ่มครั้งแรกในเมืองไทย จะมีทั้งหมด 64 เล่ม จะเป็นหนังสือสำหรับอ้างอิงและอธิบายธรรมะข้อนั้นในพระไตรปิฎก ว่ามีที่มาอย่างไรอย่างสมบูรณ์

ส่วนสมณศักดิ์นั้น ท่านเจริญเติบโตมาตามลำดับ เริ่มปี 2516 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีสุทธิพงศ์ ปี 2531 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชปริยัติโมลี ปี 2536 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพปริยัติโมลี ปี 2541 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมโมลี ปี 2548 เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏที่ พระพรหมโมลี

ปฏิสังขรณ์วัดพิชยญาติการาม

เมื่อปี 2540 ได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราชให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม พระอารามหลวง ท่านใช้เวลาประมาณ 10 ปี บูรณปฏิสังขรณ์วัดพิชยญาติการามที่อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมให้กลับมาดูใหม่ โดยรักษาความเป็นโบราณสถานไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

ในส่วนอุบาสกอุบาสิกาที่เข้าวัดมากมายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ถ้านับจำนวนในวันเสาร์-อาทิตย์ จะมีจำนวนนับพันคน ทั้งหมดเข้ามาเพื่อปฏิบัติธรรมกับพระสงฆ์ และแม่ชี ดร.ทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม

การถวายมหาสังฆทานในวันเกิด พระพรหมโมลี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และพระพรหมโมลีในวันปฐมนิเทศพระวิปัสสนาจารย์ รุ่นที่2

เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมโมลี ท่านได้สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมขึ้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นที่ปฏิบัติธรรมและฝึกอบรม|พระวิปัสสนาจารย์ ปัจจุบันพระวิปัสสนาจารย์ในอุปถัมภ์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย หลายรุ่นได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ฝึกอบรมครั้งละ 45 วัน ล่าสุดพระวิปัสสนาจารย์ 200 รูป ซึ่งได้รับการปฐมนิเทศเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2554 ได้เข้าฝึกอบรม ณ ศูนย์แห่งนี้

โครงการทุนเล่าเรียนหลวง

ความเป็นมาของโครงการอบรมพระวิปัสสนาจารย์ในอุปถัมภ์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย มีความโดยย่อว่า
ตามที่ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ได้ถวายทุนสนับสนุนการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ จำนวน 1,000 ทุน ทุนละ 5,000 บาท (ห้าพันบาทถ้วน) รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท (ห้าล้านบาทถ้วน) โดยมอบให้พระพรหมโมลี ประธานเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติรับไปดำเนินการ

พระพรหมโมลีในฐานะประธานเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้พิจารณาแบ่งทุน ดังนี้

1.คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย จำนวน 480 ทุน
2.คณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต จำนวน 120 ทุน
3.ฝึกอบรมครูสอนพระปริยัติธรรมสายสามัญศึกษา จำนวน 400 ทุน

ในส่วนของคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกายนั้น ทางประธานเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติได้อาราธนากรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติผู้เป็นตัวแทนของเจ้าคณะหน และเลขานุการเจ้าคณะหนร่วมประชุมปรึกษาโครงการจัดการอบรมและสถานที่ฝึกอบรม ที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้

1.มอบทุนการฝึกอบรมให้แต่ละหนรับผิดชอบหนละ 120 ทุน

2.กำหนดสถานที่ฝึกอบรม ดังนี้

2.1 คณะสงฆ์หนกลาง จัดอบรมที่วัดภัททันตะอาสภาราม ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 120 รูป

2.2 คณะสงฆ์หนเหนือ จัดอบรมที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 120 รูป

2.3 คณะสงฆ์หนตะวันออก จัดอบรมที่วัดประสิทธิเวช ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก ผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 120 รูป

2.4 คณะสงฆ์หนใต้ จัดอบรมที่ศูนย์ปฏิบัติ ธรรมวิศิษฐ์พัฒนวิธาน วัดบางเหรียง ต.บางเหรียง อ.ทับปุด จ.พังงา ผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 120 รูป

2.5 ครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จัดอบรมที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมโมลี ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ผู้เข้ารับการอบรม 400 รูป แบ่งเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 200 รูป

ส่วนกัปปิยภัณฑ์ จะได้มอบให้กรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้เป็นตัวแทนของแต่ละหนหรือเลขานุการเจ้าคณะหนนั้นๆ รับไปมอบให้สำนักปฏิบัติธรรมที่รับโครงการนี้ไปดำเนินการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายพระวิปัสสนาจารย์วิทยากร ค่าภัตตาหาร และบำรุงสถานที่ตามจำนวนกัปปิยภัณฑ์ที่กำหนดไว้

น.ต.เกริก ตั้งสง่า ซึ่งเป็นกรรมการโครงการ|ทุนเล่าเรียนหลวง เล่าความเป็นมาโครงการทุนเล่าเรียนหลวงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งขึ้นปี 2546 โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นปฐมฤกษ์

การถวายมหาสังฆทานในวันเกิด พระพรหมโมลี ส่วนหนึ่งของพระวิปัสสนาจารย์

เพื่อส่งเสริมให้พระภิกษุ-สามเณรได้เรียนสูงๆ ขึ้น ในปี 2552 ได้ขยายโครงการไปส่งเสริมการอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ในปี 2554 ซึ่งอันเป็นมหามงคลเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โครงการนี้จะขยายไปฝึกอบรมพระนักเทศน์ สรุปว่า ในช่วง 7 ปี พระราชทานไปแล้ว 4,000 กว่าทุน เป็นเงิน 35 ล้านบาท

ปฐมนิเทศรุ่น 2

ในวันปฐมนิเทศพระวิปัสสนาจารย์ รุ่นที่ 2 ที่วัดพิชยญาติการาม วันที่ 27 ม.ค. 2554 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หนึ่งในคณะผู้ปฏิบัติ
หน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นประธานในพิธี และให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมให้

นำไปคิดและปฏิบัติว่า เป็นพระวิปัสสนาจารย์นั้น ต้องทำตัวคล้ายกับเรือจ้างที่นำผู้โดยสารไปส่งอีก ฟากหนึ่งอย่างปลอดภัย แต่ต้องเป็นเรือจ้างที่ดีคือ

เบา ไม่รั่ว ไม่มีคลื่นลม อธิบายอุปมานี้ว่า ร่างกาย

เปรียบเสมือนเรือจ้าง ต้องให้เบาจากกิเลส ทุกข์

เสมือนน้ำที่รั่วเข้ามาในดวงใจ ส่วนจิตใจที่ฟุ้งซ่าน

เป็นเสมือนคลื่นลมที่ไม่สงบ จะเป็นอาจารย์สอน

วิปัสสนาที่ดี ต้องเบา ไม่รั่ว และคลื่นลมสงบ

พระพรหมโมลี สรุปตอนท้ายว่า ขอให้พระวิปัสสนาจารย์ทุกท่านที่เข้าโครงการ จงตั้งใจให้เป็นกุศล ฝึกอบรมให้ครบตามหลักสูตร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ

ข่าวล่าสุด

บวท. ยกระดับความพร้อมรับปีใหม่ 2569 คาดเที่ยวบินพุ่ง 2.7 หมื่นเที่ยว