posttoday

ทูตมองโกเลียเร่งเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับไทยทุกมิติ

07 กุมภาพันธ์ 2566

มองโกเลียกระชับความสัมพันธ์กับไทย เร่งเครื่องเปิดภาคการท่องเที่ยว การค้า และ การลงทุน หวังดันเศรษฐกิจฟิ้นตัวหลังยุคโควิด โดยตั้งเป้าภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วน 15% ของจีดีพี รับนักท่องเที่ยว 1 ล้านคนภายในปี2024

นายทูมูร์ อามาร์ซานา (HE. Mr. Tumur Amarsanaa) เอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ PostToday ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่มีมายาวนานหลังสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมาตั้งแต่ปี 2517 และมีความร่วมมือเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการเปิดเที่ยวบินตรงของ มองโกเลียน แอร์ไลน์ จากกรุงอูลันบาตอร์เมืองหลวงของมองโกเลีย มายังภูเก็ตเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกแล้วกว่า 20,000 คน

ทูตมองโกเลีย ระบุว่าสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด19ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของมองโกเลียซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ โดยในปี 2019 ช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางท่องเทียวในมองโกเลียกว่า 570,000 คน สร้างรายได้มูลค่า 607 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ในช่วงปลายปี 2021 จำนวนนักท่องเทียวลดลงกว่า 93%  ส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและเล็กรวมถึงบริษัทท่องเที่ยวต้องสูญเสียรายได้ ขณะเดียวกัน โรงแรมและแคมป์ท่องเที่ยว เกือบทั้งหมดต้องหยุดดำเนินการ ทำให้เกิดการสูญเสียรายได้รวมแตะ 526 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

มองโกเลียได้เปิดประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวนานาชาติ เมื่อวันที่ 14 กพ. 2022 เนื่องจากประชากรจำนวนมากได้รับวัคซีน รัฐบาลจึงได้ประกาศให้ปี 2023 และ 2024 เป็นปี “Years to visit Mongolia”  หรือ ปีแห่งการเยือนมองโกเลีย โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 250,000 คน เป็น 1,000,000 คน ภายในปี 2024 เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นสัดส่วน 15% ของจีดีพี โดยภายใต้การริเริ่มปีแห่งการเยือนมองโกเลียนี้ มีพลเมืองจาก34 ประเทศได้รับการยกเว้นวีซ่า และ ทำให้มีประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้ามองโกเลียทั้งสิ้น 61 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย

ส่วนประเด็นความร่วมมือและโอกาสทางการค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว ระหว่างมองโกเลียและไทย ในช่วงการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตมองโกเลียประจำประเทศไทย ตนได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มเติมมูลค่าการค้าขายระหว่างมองโกเลียและไทย 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และ การลงทุนระหว่างกันมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2027 ได้บรรจุในแผนความร่วมมือระหว่างมองโกเลียและไทยในระยะ 5 ปี (2022-2027)

ทั้งสองประเทศต่างมีโอกาสอย่างมากที่จะร่วมกันพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน มองโกเลียมีจุดเด่นด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และ แร่ธาตุ ขณะที่ประเทศไทยมีความชำนาญด้านเทคโนโลยี และ know-howด้านการพัฒนามูลค่าเพิ่มให้สินค้าในตลาดโลก ด้านเศรษฐกิจ มองโกเลียและไทยได้มีความร่วมมือหลายด้านทั้ง เศรษฐกิจ การเกษตร การท่องเที่ยว ด้านเทคนิค และ โลจิสติกส์

ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างมองโกเลียและไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ทั้งสองประเทศมีจุดยินร่วมกันในการผลักดันให้เกิดข้อสรุป ข้อตกลงเพื่อการหลีกเลียงการเก็บภาษีซ้ำซ้อนและป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี (Agreement for Avoidance of Double Taxation and Prevention of Fiscal Evasion) และ ข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งเสริมและการปกป้องการลงทุนร่วมกัน (Agreement on the Mutual Promotion and Protection of Investments) เพื่อเร่งเครื่องความร่วมมือทางด้านการค้า

โดยในด้านอุตสาหกรรมเหมืองยังคงเป็นที่สนใจของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไปยังมองโกเลีย นักลงทุนจากไทย 2-3 รายเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนในมองโกเลียแล้ว ขณะเดียวกันสายการบินมองโกเลียนแอร์ไลน์ ได้เปิดเที่ยวบินตรงอูลานบาตอร์-กรุงเทพ และ อูลานบาตอร์-ภูเก็ต นับเป็นหนึ่งในสายการบินรายแรกๆที่เปิดบริการทันทีที่ประเทศไทยเปิดประเทศในเดือน พย.2565 ทำให้ขณะนี้มีจำนวนเที่ยวบินตรงมากที่สุดต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสายการบินมองโกเลียนแอร์ไลน์ ถือเป็นสายการบินขนาดเล็ก มีจำนวนเครื่องบินจำกัด จึงไม่เพียงพอต่อการให้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของมองโกเลีย จึงได้ทำข้อตกลงทวิภาคีด้านการบินกับ 39 ประเทศ  จากสถิติในปี 2019 สายการบิน 12 แห่ง มีจำนวน 1.6 ล้านที่นั่ง ใน 22 เส้นทางบินนานาชาติ สามารถรองรับผู้โดยสารถึง 1.18 ล้านคน ทั้งนี้ นักท่องเที่ยว 50% จากจำนวนทั้งหมดเดินทางทางอากาศ  ซึ่งรัฐบาลมองโกเลียได้เร่งพัฒนาสนามบินในประเทศ และ เชิญชวนให้สายการบินต้นทุนต่ำของภูมิภาคเอเชียให้ทำการตลาดมองโกเลีย และ เพิ่มเที่ยวบินตรงมากขึ้น โดยไม่นานนี้ได้เพิ่มบริการเที่ยวตรงไปยังฮานอย(เวียดนาม), ภูเก็ต(ประเทศไทย), เทียนจิน(จีน), บิชเคก(เคอกิซสถาน) และ อัลมาตี(คาซัคสถาน)  ขณะที่ในส่วนของไทย ได้เร่งเจรจากับหลายสายการบิน เพื่อให้เปิดเที่ยวบินไปยังมองโกเลียมากขึ้น

ทั้งนี้ มองโกเลีย ถือเป็นประเทศที่มีทิวทัศน์สวยงาม มีประเพณีของชนเผ่าที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกับผู้รักการท่องเที่ยวแบบผจญภัยและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือนมองโกเลียปีละหลายพันคน ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวมองโกเลียก็ชื่นชอบมาเที่ยวทะเลและใช้บริการทัวร์ด้านสุขภาพในประเทศไทย หากมีความร่วมมือกันมากขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศจะสามารถขยายตัวได้อีกมากขึ้นในอนาคต

เอกอัครราชทูตประเทศมองโกเลียฯยังกล่าวถึงอาหารไทยว่ามีเอกลักษณ์โดดเด่นที่เครื่องเทศและสมุนไพรทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาเยือนประเทศไทยทุกปีเพื่อทานอาหารไทย จะเห็นได้ล่าสุดเว็บไซต์ท่องเที่ยว TripAdvisor ได้จัดอันดับอาหารไทยในลำดับที่ 13 และ ในฐานะนักการทูตที่อยู่ในประเทศไทยกว่า 2 ปี 6 เดือน ชอบที่จะทานอาหารไทยทุกวัน มีเมนูโปรด คือ ส้มตำ  อุดมไปด้วยประโยชน์จากผัก คาร์โบไฮเดรต เครื่องเทศและวิตามินต่างๆ ในจานเดียว