posttoday

ปารมี สินธุเสก กับธุรกิจยุคใหม่ แถบตรวจโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

28 ธันวาคม 2565

‘หยก’ ปารมี สินธุเสก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปารมี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด คือคนรุ่นใหม่ซึ่งริเริ่มการทำธุรกิจเกี่ยวกับ IVD หรือเครื่องมือแพทย์ลักษณะแถบตรวจโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) ที่บ่งชี้การเป็นโรคเบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือดในสมองตีบ เป็นรายแรกๆ ในไทย

ธุรกิจเกี่ยวกับ IVD หรือเครื่องมือแพทย์ลักษณะแถบตรวจโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นี้เริ่มต้นได้อย่างไร เราไปพูดคุยกับเขากันเลย 

“หลังเรียนจบปริญญาโทด้าน Environmental Health Policy จาก Imperial College ผมก็เริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับ PNA Wellness Innovation หรือการเช็กสุขภาพเบื้องต้น ด้วยเลือดหยดเดียว ทราบผลใน 90 วินาที ภายใต้ บริษัท ปารมี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด โดยร่วมมือกับคุณแม่สองคน เป็นสไตล์ธุรกิจครอบครัว เนื่องจากคุณแม่เป็นคนที่รักสุขภาพมาก และด้วยพื้นฐานของที่บ้านที่ชอบดูแลสุขภาพ บวกกับพื้นเพธุรกิจของคุณพ่อก่อนหน้านี้ ก็เป็นธุรกิจเกี่ยวกับการตรวจอยู่แล้ว จึงเป็นแรงผลักดันว่า ถ้าเราสามารถทำธุรกิจอะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพ และช่วยคนจำนวนมากได้ก็คงจะดี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมอยากนำการตรวจโรคบวกกับเวชศาสตร์ชะลอวัยมาใช้ในการช่วยคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โรคไม่ติดต่อ (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด ถ้าเราสามารถตรวจได้ล่วงหน้าและแก้ไขได้ก่อน ผู้คนก็จะมีชีวิตที่ดีและยืนยาวมากขึ้น ซึ่งบริษัทของเราเชื่อว่า สุขภาวะที่ดี ต้องตรวจได้ทันที หรือ Measurable Wellness นั่นเอง


ปารมี สินธุเสก กับธุรกิจยุคใหม่ แถบตรวจโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

 

จากตอนเริ่มเปิดบริษัท มาจนถึงวันนี้ มีสิ่งที่ตัวเราและบริษัทเองได้พัฒนามากขึ้น อย่างเมื่อ 8 ปีที่แล้วเป็นยุคที่ Social Media รุ่งเรืองมาก เราจึงคุ้นเคยกับกลยุทธ์ตลาดออนไลน์ และจะมองว่า การตลาดที่ชนะ ต้องแตกต่างจากคู่แข่ง ตอนนั้นเราก็พยายามทำออนไลน์ แต่ก็ยังยาก ขณะเดียวกันตอนนั้นเราก็พัฒนาการตลาดแบบขายตรงไปพร้อมกันด้วย พอมาถึงปัจจุบัน การตลาดที่เน้นแต่ผู้แทนขายอย่างเดียวก็เริ่มยากละ เพราะมันเป็นยุคของการตลาด ไม่ใช่แค่ Social Media เท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการ PR ด้วย อย่างบริษัทเรา เรามั่นใจว่าเรามีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพคนได้จริงๆ เราก็อยากจะขยายไปทุกช่องทาง หรือสร้างเป็น Ecosystem เรียกได้ว่าเราพัฒนาด้านการตลาดมามาก จากจุดที่เป็น Direct Selling และในยุคนี้การที่บริษัทจะไปต่อได้ ไม่ใช่แค่สินค้าและบริการเท่านั้น แต่ต้องมองหาผลประโยขน์สูงสุดของลูกค้ามาก่อน รวมไปถึง Branding และสินค้าที่ลูกค้าใช้ ลูกค้าจะถูกมองว่าเป็นยังไง เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ ของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากและแตกต่างกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็สนุกมากครับ”

 

ปารมี สินธุเสก กับธุรกิจยุคใหม่ แถบตรวจโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

 

ปารมี บอกว่า สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากธุรกิจครอบครัวช่วงที่ผ่านมา พูดได้ว่าเป็นการเริ่มต้นธุรกิจโดยไม่มีพี่เลี้ยง ไม่มีคนแนะนำทั้งสิ้น มีแต่คุณแม่ที่ช่วยดูแลหลังบ้าน ส่วนคุณพ่อก็เกษียณไปแล้ว แต่ตอนนั้นเขากลับคิดว่า แม้อยู่คนเดียวก็พอไปได้ เพราะยุคนั้นจะมี Solopreneur มากมาย แม้จะทำธุรกิจคนเดียว แต่เขาก็ดูประสบความสำเร็จในชีวิตดี แต่พอมายุคสมัยนี้ปารมีกลับรู้สึกว่า ควรต้องมีสมาคมหรือคนที่รู้จักตัวเราเยอะๆ ต้องมีการบอกต่อทางธุรกิจ และตัวเราต้องมีสังคมให้อยู่ ไม่ว่าคุณจะได้สิ่งนั้นจากการเรียนคอร์สเรียน หรือเรียนต่อ หรือคุณจะอยู่ในสมาคมต่างๆ ซึ่งทุกวันนี้มีเยอะมากมาย แต่ปารมีกลับเชื่อว่าในยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่อยู่คนเดียวแล้วจะรอดในระยะยาวได้ เพราะการแข่งขันทางธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ดังนั้น นักธุรกิจทุกคนจะต้องมีสังคมดีๆ ให้อยู่ แล้วธุรกิจของเขาจะรอดได้ในระยะยาว

“ผมทราบดีว่าในธุรกิจหลายอย่างต้องการความไว แต่กับบางธุรกิจ ยิ่งธุรกิจเครื่องมือแพทย์ เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือการตรวจ อะไรที่คนอื่นไม่ค่อยทำ มันมักยากเสมอในการที่เราจะทำให้ได้ดีกว่าคู่แข่ง ซึ่งมันอาจใช้เวลาในการลงทุนในความรู้ของตัวเอง ถ้าเมื่อไหร่ที่มั่นใจแล้วถึงเอาไปใช้ได้ แต่อาจจะช้าหน่อยครับ ในมุมมองของผมแล้ว ธุรกิจที่ดีต้องไปต่อได้ และมุมมองของธุรกิจที่ไปต่อได้ของผม ผมมอง 50-100 ปี มันเป็นไปไม่ได้เลยนะครับว่าธุรกิจแบบนี้ ขายของแบบนี้ จะอยู่ไปได้ 50-100 ปี มันไม่เกิดขึ้นหรอกครับ เพราะธุรกิจต้องมีการเปลี่ยนแปลง ดูอย่างบริษัท 3M ที่เริ่มต้นจากบริษัทเหมืองแร่ ทุกวันนี้ขายตั้งแต่กาวไปยันกระดาษทราย ทุกธุรกิจผมว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง แต่มุมมองของธุรกิจนั้นไม่เคยเปลี่ยน เรามีมุมมองเรื่องสุขภาวะของคน ไม่ว่าวันนี้เราจะขายเป็นแถบตรวจเลือด เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคหัวใจ หรือโปรโมทการใช้วิตามิน IV Drip ในคลินิกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราจะทำวันนี้หรือในอนาคต ผมว่าวิสัยทัศน์กับพันธกิจของบริษัทต้องยังอยู่ ของเราก็มีความชัดเจนว่า เราต้องการให้สุขภาวะสามารถตรวจได้ทันที นั่นอาจเป็น Mission ของบริษัท แต่ถ้าพูดถึง Vision เราจะพูดสั้นๆ ว่า เราอยากให้ท่านอยู่กับคนรักของท่านได้นานที่สุด และเราเชื่อว่าชีวิตที่ดีต้องไปต่อได้ ในยุคสมัยก่อนเราอาจจะเชื่อว่า ชีวิตที่ดีอาจต้องไม่ทำนู่น ไม่ทำนี่ แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่แล้ว เราอยากใช้ชีวิตที่ดีและอยากไปต่อให้ได้ยาวๆ ฉะนั้น Wellness ก็จะมีความสำคัญมากทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผมมองว่าอีก 50-100 ปีข้างหน้า สิ่งนี้ก็จะยังไม่เปลี่ยนไป ถึงแม้สินค้าและการบริการเราจะเปลี่ยนไปในอนาคต

สำหรับแคมเปญหรือโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่เราวางแผนจะทำเร็วๆ นี้ ก็เหมือนกับ Vision ของบริษัทเราที่บอกว่า ชีวิตที่ดีต้องไปต่อได้ เราอยากให้ท่านอยู่กับคนที่ท่านรักได้นานที่สุด สินค้าของเราเชื่อว่า สุขภาวะสามารถตรวจได้ และในอนาคตเราก็จะนำเข้าหรือหาสินค้าที่สามารถตรวจสภาวะสุขภาพได้มากขึ้น เพื่อให้คนที่ยังไม่เป็นโรคสามารถคงความแข็งแรงไว้ได้นานที่สุด ส่วนคนที่ใกล้เป็นโรค ก็สามารถดูแลตัวเองได้ทัน เราเชื่อว่าโปรเจ็กต์ในอนาคตจะอยู่ใน Wellness ทั้งหมด หรืออนาคตเราก็คาดหวังว่าอาจมีการตรวจโรคบางอย่างที่คนอยู่บ้านสามารถทำเองได้ แบบ At home diagnostic เหมือนช่วงโควิดที่เครื่องมือแพทย์ถูกเปลี่ยนมาประยุกต์ใช้ในบ้านมากขึ้น เช่น ATK อนาคตการวินิจฉัยโรคที่เป็นความเสื่อมระยะยาว หรือโรคไม่ติดต่อ ต้องเกิดขึ้นได้ใกล้บ้านที่สุด เพื่อให้เรากล้าตรวจมันบ่อยๆ และปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นแบบไม่ต้องรอให้ป่วย”

 

ปารมี สินธุเสก กับธุรกิจยุคใหม่ แถบตรวจโรค NCDs หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

 

ปารมี เสริมอีกว่า วันนี้บริษัทของเขากำลังทำการตลาดในฝั่งของสุขภาวะที่ตรวจได้ หรือการตรวจโอกาสการเป็นโรคไม่ติดต่อ NCDs ให้กับคลินิกที่มีการ Drip Vitamin เนื่องจากต้องการให้คนเข้าใจการใช้ Vitamin ในมุมของสุขภาพมากกว่าแค่ความสวยความงาม…

”ในอนาคตเรากำลังมองหาคลินิกที่มีการ Drip Vitamin ที่อยากโปรโมทให้ลูกค้ามีสุขภาพดีขึ้นจากการดริปวิตามิน ให้มาเป็นพาร์ตเนอร์กับเรา และเราตั้งใจที่จะทำ PR ขนาดใหญ่ เพื่อให้คนมองเห็นว่า เวลาที่ตรวจสุขภาพประจำปี เรามักคุยกันแค่น้ำตาล ไขมัน ความดัน มันไม่ใช่แค่นั้น เราต้องพูดถึงค่าการอักเสบของหลอดเลือดในตัวเราด้วย เพราะมันเป็นตัวที่บอกว่า เราจะมีโอกาสเป็นโรคในอนาคตหรือไม่ เป้าใหญ่ที่สุดของเราก็คือ อยากให้คนพูดถึงการตรวจการอักเสบ หรือ CRP ให้เป็นสิ่งที่คนพูดถึงกันทุกวัน เหมือนค่าความดัน ค่าไขมัน ซึ่งเราต้องการทั้งฝั่ง พีอาร์ , พาร์ตเนอร์ และหมอเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกัน และเชื่อว่าชีวิตที่ดีต้องไปต่อได้ครับ

สำหรับหลักการหรือนโยบายในการตอบแทนสังคม คนทำธุรกิจบริษัทเครื่องมือแพทย์อย่างเรามองว่า ยิ่งเราขายแถบตรวจโรคได้มากเท่าไหร่ คนก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากการรู้โรคได้เร็วขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการตรวจโรคร้ายในอนาคต โรคที่ไม่ติดต่อ NCDs ไขมัน เบาหวาน ความดัน เส้นเลือดตีบ หรือมะเร็ง ถ้าเราทำแบบนั้นได้ ผมมองว่าธุรกิจที่เน้นให้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างธุรกิจของเรา โดยส่วนตัวแล้วมันเหมือนเป็น Social Enterprise ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แม้จะเป็นบริษัทที่ค้าขายมีกำไร แต่ผลประกอบการของบริษัทก็เกิดขึ้นจากการบริการหรือสินค้าที่ตอบแทนสังคม และเราก็ตอบแทนโดยช่วยให้คลินิกเล็กๆ สามารถตรวจคนไข้ได้ และในทางกลับกันคนไข้ก็สามารถมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ เราเลยมองว่าธุรกิจของเราถือเป็น Social Enterprise หรือธุรกิจเพื่อสังคมมาตั้งแต่วันแรกที่เราทำธุรกิจแล้วล่ะครับ”