posttoday

กฐิน

14 พฤศจิกายน 2553

....คุณสลิล

ท่านผู้อ่านที่เคารพฤดูนี้เป็นฤดูทอดกฐิน คือในช่วง 1 เดือนหลังออกพรรษา พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ก็มักจะได้โอกาสทำบุญพิเศษนี้โดยถ้วนหน้ากัน การทำบุญกฐินนั้นนับว่าเป็นกาลทาน ซึ่งเคยนำมาเขียนแล้วว่าเป็นทานที่จำกัดเวลา ไม่สามารถทำเมื่อไหร่ก็ได้

ดังนั้นจึงเป็นทานที่มีอานิสงส์พิเศษ คือ ให้ผลเร็ว เช่น เมื่อให้ผลทำให้มีฐานะดีแต่วัยเยาว์ ได้อะไรก็ได้เร็วทันใจไม่ต้องรอนาน สามารถทำทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ได้ เพราะยังมีกำลังวังชา ไม่เหมือนบางคนที่ต้องรอจนแก่ชรากว่าจะตั้งตัวได้ หรือไม่ก็เจ็บป่วยไปเสียก่อน อีกทั้งยังเป็นประโยชน์แก่สงฆ์ เพราะได้อานิสงส์ทางพระวินัย และเป็นการถวายผ้า ซึ่งก็มีอานิสงส์พิเศษเกี่ยวกับการถวายผ้าอีกด้วย

การทำบุญกฐินนั้น เป็นบุญที่จะว่าไปก็ไม่ใช่ทำได้ง่ายนัก แม้ในความจริงจะใช้เพียงผ้าเท่านั้น ส่วนอื่นๆ แม้แต่ปัจจัยก็เป็นบริวารกฐิน แต่เนื่องจากกฐินเป็นพุทธานุญาต ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับพระวินัย วันนี้ MQ จึงขอนำเรื่องราวบางส่วนในพระวินัย มหาวรรค กฐินขันธกะมาเล่าสู่กันฟัง โดยเฉพาะในวันอาทิตย์นี้ เป็นวันที่อาจารย์ผู้สอนธรรมะให้แก่ผู้เขียนจะทอดกฐิน จึงขออนุโมทนากับท่านและคณะด้วยอย่างยิ่ง

กฐินนั้นเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล ขณะที่พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของท่านอนาถบิณฑิกคหบดี ในเขตนครสาวัตถี โดยภิกษุปาไฐยรัฐ จำนวน 30 รูป ได้มีความประสงค์จะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่มายังไม่ทันถึงก็เป็นวันเข้าพรรษาเสียก่อน จึงพากันเข้าพรรษาในเมืองใกล้ๆ เมื่อออกพรรษาจึงรีบเดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ทั้งๆ ที่ยังมีฝนตก และการเดินทางต้องผ่านพื้นที่ที่มีโคลนตม ได้รับความลำบากกาย มีจีวรเปียกด้วยน้ำ

ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาต ให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้ว ได้กรานกฐิน ภิกษุผู้ใดกรานกฐินแล้ว จะได้อานิสงส์ 5 ประการ

1. เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลา

2. ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับ

3. ฉันคณะโภชน์ได้

4. ทรงอติเรกจีวรไว้ได้ตามปรารถนา

5. จีวรอันเกิดขึ้น ณ ที่นั้นจักได้แก่พวกเธอ

วิธีกรานกฐินนั้นก็ทรงกำหนดไว้ว่าจะต้องกระทำอย่างไร และมีกรรมวาจาว่าจะต้องกล่าวอย่างไร ท่านใดสนใจหาศึกษาได้ในพระวินัยปิฎก ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ที่น่าสนใจคือ การกรานกฐินนั้น จะมีภิกษุรูปหนึ่งกราน ส่วนรูปอื่นๆ อนุโมทนา โดยต้องประชุมกรานกฐินพร้อมเพรียงกันในสีมา และต้องกรานให้เสร็จในวันนั้น หมายถึงว่า ถ้าผ้านั้นยังไม่ได้เย็บไม่ได้ย้อม ก็ต้องทำให้เสร็จในวันนั้น โดยภิกษุในวัดมาช่วยกันทำและกรานให้เสร็จ ไม่ให้ข้ามวัน คือไม่ให้ข้ามราตรี

ในพระวินัยยังมีรายละเอียดมากมาย ซึ่งจะขอนำส่วนง่ายๆ มาคุยกันที่เราผู้ถวายจะได้ระมัดระวัง และกระทำให้เป็นไปตามพระพุทธานุญาตเพื่อให้บุญนี้สำเร็จได้อย่างแท้จริง

ผ้ากฐินนั้นจะต้องเป็นผ้าที่บริสุทธิ์ ประดุจดังผ้าที่ลอยมาจากอากาศนั่นหมายถึงว่า ภิกษุไม่ได้พูดเลียบเคียง ภิกษุไม่ได้เอ่ยปากขอ เป็นต้น

ผ้ากฐินจะถวายเป็นผ้าพอทำไตรจีวรผืนใดผืนหนึ่งก็ได้ (ผู้ที่ถวายผ้า ถ้ายังไม่ได้เย็บ ไม่ได้ย้อม เป็นจีวรตามพระวินัยแล้ว ควรถวาย เข็ม ด้าย น้ำย้อม และให้พระท่านมีเวลาให้ทำเสร็จและกรานได้ในวันนั้น คือไม่ให้ข้ามราตรี)

ภิกษุผู้จะรับกฐินได้ต้องเป็นผู้จำพรรษาในปุริมพรรษา คือวันเข้าพรรษาปกติที่เราทราบกัน อยู่ครบไตรมาสจนปวารณาในวันปฐมปวารณา จึงจะได้อานิสงส์กฐิน และต้องมีภิกษุอยู่จำพรรษาดังกล่าวมาแล้วครบจำนวนตั้งแต่ 5 รูปขึ้นไปในอาวาสนั้นจะน้อยกว่าไม่ได้

หากในวัดมีภิกษุจำพรรษาแรกไม่ครบ 5 รูป แต่มีภิกษุผู้จำพรรษาหลังก็นิมนต์ท่านเหล่านั้นมาให้ครบ เป็นคณปูรกะ (ทำให้ครบหรือเต็มคณะ) ได้ แต่เฉพาะรูปที่อยู่จำพรรษาแรกครบเท่านั้นได้อานิสงส์กฐิน รูปนอกนั้นไม่ได้

หากในวัดมีภิกษุจำพรรษาแรกไม่ครบ 5 รูปแต่มีสามเณรอายุครบบวช ได้อุปสมบทในพรรษาหลัง ภิกษุที่บวชใหม่นั้น เป็นคณปูรกะได้และได้รับอานิสงส์กฐินด้วย

หากภิกษุในวัดนั้นไม่เข้าใจวิธีการกรานกฐิน แต่อยู่จำพรรษาต้นครบถ้วน สามารถนิมนต์พระเถระผู้เข้าใจวิธีกรานมาสอนให้สวดกรรมวาจา ให้กรานกฐิน แต่ท่านพระเถระไม่ได้รับอานิสงส์กฐิน ได้อานิสงส์เฉพาะภิกษุผู้จำพรรษาต้นในวัดนั้น

ผู้ที่สามารถถวายกฐินได้ก็คือ มนุษย์ หรือ เทวดา หรือ สหธรรมิกทั้ง 5 (คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร และสามเณรี)

ถ้ากฐินยังไม่ทันกราน มีผู้อื่นนำผ้ากฐินมาและถวายผ้าอานิสงส์กฐินอื่นๆ เป็นอันมาก ผู้ใดถวายอานิสงส์มาก พึงกรานด้วยผ้ากฐินของผู้นั้น แต่ต้องชี้แจงให้ทายกอีกฝ่ายหนึ่งยินยอม

จะเห็นได้ว่า การถวายกฐิน หรือที่เรามักเรียกกันว่า ทอดกฐินนั้น ความจริงก็คือการถวายผ้า ไตรจีวร แม้ผืนเดียวก็ได้ หรือเป็นผ้าเพื่อให้ท่านนำไปทำจีวรก็ได้ แต่เป็นการกระทำตามวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธานุญาตไว้ จึงดูเหมือนง่ายแต่ก็ไม่ง่ายนัก เพราะมีวิธีการทั้งฝ่ายทายกผู้ถวาย และฝ่ายภิกษุสงฆ์ผู้รับ อีกทั้งภิกษุองค์ที่กรานกฐินจะต้องดูแล คือ ครองผ้ากฐินต่อไปในอาวาสนั้นไปจนครบเวลาตามวิธีที่พระวินัยกำหนด ถ้ากระทำไม่ถูกต้องก็กลายเป็นกฐินเดาะ กฐินไม่เป็นอันกรานได้

ดังนั้น กฐินจึงเป็นบุญที่พิเศษ ที่พุทธศาสนิกชนควรศึกษาทำความเข้าใจ และให้ความสำคัญ กระทำให้ถูกต้องในพุทธานุญาตด้วย ไม่ใช่เพียงแต่เป็นห่วงหายอดปัจจัย เพื่อถวายทำโน่นทำนี่ในวัด แต่ลืมกระทำเรื่อง ผ้า และเรื่องพระวินัยต่างๆ ซึ่งคือ กฐิน อันเป็นกาลทานจริงๆ ให้ถูกต้องด้วย ...

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต